แนวทางการเลือกซื้อที่ดิน เพื่อทำการเกษตรสำหรับมือใหม่

แนวทางการเลือกซื้อที่ดิน เพื่อทำการเกษตรสำหรับมือใหม่

แนวทางการเลือกซื้อที่ดิน
สำหรับคนที่อยากจะเริ่มทำการเกษตร กำลังมองหาซื้อที่ดินสักแปลง คงต้องพิจารณาปัจจัยโดยรอบให้ดี เพราะหลายๆปัจจัยมีผลต่อการเกษตรของเราทั้งเรื่องของต้นทุนต่างๆอีกทั้งผลผลิตที่ตามมา ดังนั้นการเลือกที่ดินดูที่ดินให้เข้าใจนั้นถือว่าสำคัญในการเริ่มต้นเป็นอย่างมาก

1. ในที่ดินจะต้องมีแหล่งน้ำหรือติดกับแหล่งน้ำที่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งปี เพราะการซื้อที่ดินที่ไม่มีน้ำ ก็เท่ากับไม่มีประโยชน์ในเชิงเกษตร แหล่งน้ำที่ว่านี้อาจจะเป็นคลองชลประทาน อ่างเก็บน้ำ คลองธรรมชาติ แม่น้ำ ฯลฯ ถ้าเป็นที่ดินแปลงใหญ่ไม่ควรพึ่งพาแหล่งน้ำจากน้ำบาดาลเป็นหลัก เพราะอาจมีปริมาณไม่พอเพียงและอาจจะทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับการจัดการตะกอนในภายหลัง

2. ที่ตั้งของที่ดินนั้นควรใกล้กับถนนหนทางและไม่ไกลจากที่อยู่อาศัยประจำของคุณมากนัก การเดินทางไปมาสะดวก โดยเฉพาะเกษตรกร part-time ที่ต้องทำงานในวันธรรมดาและไปทำสวนได้เฉพาะวันหยุด อย่างไรก็ตามปัจจัยเรื่องระยะทางนี้ขึ้นกับทุนและความชอบส่วนบุคคล นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ต้องใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกด้วย

3. ที่ดินควรใกล้ตลาดหรือชุมชน หรือผู้ซื้อรายใหญ่ เพื่อที่จะสามารถขนส่งผลผลิตเพื่อจำหน่ายได้โดยง่าย (หากคิดจะปลูกเพื่อจำหน่าย) เพราะระยะทางในการขนส่งหากไกลหรือไม่ตรงตามที่ตลาดต้องการ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น

4. เพื่อนบ้านและสังคมที่ดี ก่อนซื้อที่ดินควรลองไปสำรวจดูว่าเพื่อนบ้านมีอัธยาศัยเป็นอย่างไร หรือลองไปถามสถานีตำรวจในพื้นที่ดูว่ามีคดีลักขโมยมากน้อยเพียงใด รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เพื่อประกอบการตัดสินใจ

5. ลองสังเกตในที่ดินด้วยว่ามีต้นไม้ที่ขึ้นในที่ดินนั้นเป็นต้นอะไร เพื่อจะได้ทราบว่าที่ดินผืนนั้นเพาะปลูกผลไม้ชนิดใดได้ดีที่สุด บางคนไปซื้อที่ดินที่เตียนโล่งแม้แต่หญ้าก็ไม่ขึ้น แล้วมาดีใจว่าไม่ต้องถางหญ้าปรับที่ดิน ซึ่งแท้ที่จริงเป็นดินเค็มที่เพาะปลูกอะไรไม่ได้

6. ที่ดินทำสวนเกษตรส่วนใหญ่ควรเป็นพื้นที่ราบไม่ควรเป็นที่น้ำท่วมขัง หากเป็นที่ลาดชันเวลารดน้ำต้นไม้ น้ำจะไหลลงเบื้องล่างหมด หากต้องทำขั้นบันไดก็จะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่าที่ดินผืนราบ แต่หากจะปลูกไม้ยืนต้นพวกไม้ป่า ก็เป็นที่เนินเขาได้ ทั้งนี้ขึ้นกับพืชที่เลือกจะปลูก

7. อย่ามองข้ามค่าปรับปรุงที่ดิน ทั้งเรื่องของการขุดร่อง ขุดแนว ปรับหน้าดิน รวมทั้งถนนหนทาง หากเป็นที่ดินที่ซื้อร่วมกับคนอื่น ควรตกลงกันให้แน่ชัดตั้งแต่แรกว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ จะร่วมกันรับผิดชอบอย่างไร ค่าโอนที่ดิน ค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ นอกจากนี้ถนนที่จะตัดเข้าไปยังที่ดินของแต่ละคนจะตกลงค่าใช้จ่ายและกรรมสิทธิ์กันอย่างไร การจะหาที่ดินเพื่อทำการเกษตรนั้นเราต้องดูด้วยว่า เราจะปลูกอะไร แบบไหน เน้นเพื่อจำหน่าย หรือเพื่อบริโภคเอง เพื่อจะได้มีเป้าหมายที่ชัดเจนและเลือกที่ดินได้อย่างคุ้มค่า

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ที่สนใจเลือกซื้อที่ดินเพื่อทำการเกษตรนะครับ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ครับ


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แพะที่เลี้ยงในประเทศไทย มีพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงอะไรบ้าง

แพะที่เลี้ยงในประเทศไทย มีพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงอะไรบ้าง

แพะที่เลี้ยงในประเทศไทย

สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาอธิบายพันธุ์ แพะที่เลี้ยงในประเทศไทย กันนะครับ ว่ามีสายพันธุ์ที่นิยมมเลี้ยงอะไรบ้าง ในประเทศไทยมีการเลี้ยงแพะหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์พื้นเมืองและสายพันธุ์ต่างประเทศ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีลักษณะเด่นและวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงที่แตกต่างกันไป ดังนี้

1. พันธุ์แพะพื้นเมือง

มีหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นแถบตะวันตก จังหวัดตาก จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนใหญ่จะเป็นแพะจากประเทศอินเดีย หรือปากีสถานมีรูปร่างใหญ่กว่าแพะทางใต้ พันธุ์แพะทางใต้ที่นิยมจะมีหลากหลายสายพันธุ์ พันธุ์แพะทางใต้จะคล้ายกับแพะพันธุ์กัตจัง พันธุ์แพะพื้นเมืองของประเทศมาเลเซีย จะมีลักษณะ สีน้ำตาล หรือน้ำตาลสลับดำ น้ำหนักตัวอยู่ที่ 20-25 กิโลกรัม แต่สายพันธุ์แพะพื้นเมืองนี้ ผลผลิตเนื้อและนมค่อนข้างต่ำ ทำให้มีการนำเข้าสายพันธุ์แพะจากเมืองนอกเข้ามาเลี้ยงและขยายพันธุ์ด้วย

2. พันธุ์แพะซาเนน (Saanen)

เรียกได้ว่าเป็นพันธุ์แพะนมที่ให้ปริมาณน้ำนมสูงมากกว่าพันธุ์แพะอื่น ๆ สายพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ขนสั้น บางตัวมีสีขาวครีม บางตัวมีน้ำตาลอ่อน หัวมีลักษณะแบน ดั้งจมูกลาดตรง ใบหน้าไม่โค้งงุ้ม ใบหูเล็ก และชี้ตั้งไปข้างหน้า ไม่มีเขาทั้งเพศผู้ เพศเมีย แต่ส่วนใหญ่การคัดเลือกพ่อพันธุ์ จะนิยมเลือกพ่อพันธุ์ตัวที่มีเขา มักจะพบการเป็นกระเทย ในพันธุ์แพะนี้ค่อนข้างสูง และยังมีอัตราออกลูกแฝดสูงอีกด้วย แพะตัวผู้มีน้ำหนักประมาณ 70-90 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 50-60 กิโลกรัม และที่สำคัญแพะพันธุ์ซาเนนให้น้ำนมประมาณวันละ 2 ลิตร ระยะเวลาการให้นมนานถึง 200 วัน ทำให้แพะพันธุ์ซาเนน ได้รับฉายาในกลุ่มแพะว่าเป็น “ราชินีแห่งแพะนม” แต่พันธุ์แพะนี้ มีปัญหาในเรื่องของการปรับตัวกับสภาพอากาศในประเทศไทยไม่ค่อยดีนัก ให้แนะนำเลี้ยงแบบล้อมคอก หรือ ล้อมรั้วไว้ตลอดเวลา เพื่อที่ปัญหาในการเจ็บป่วยจะได้น้อยลง และยังได้ผลผลิตที่ดีตามไปด้วย

3. พันธุ์แพะบอร์ (Boer)

เป็นสายพันธุ์แพะเนื้อ ได้รับฉายาว่าราชาแพะเนื้อ ที่ทางกรมปศุสัตว์ได้มีการนำเข้ามาจากประเทศแอฟริกาใต้ เรียกได้ว่าเป็นพันธุ์แพะที่มีโครงสร้างใหญ่และน้ำหนักดี มีลำตัวจะมีสีขาว หัวและคอจะมีสีแดง ใบหูยาวปรก มีน้ำหนักแรกเกิด 4 กิโลกรัม. ตัวโตเต็มที่ตัวผู้ น้ำหนัก 90 กิโลกรัม ตัวเมียน้ำหนัก 65 กิโลกรัม อัตราการเจริญเติบโตค่อนข้างเร็ว และแพะพันธุ์บอร์ยังสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เก่งอีกด้วย

4.  พันธุ์แพะหลาวซาน (Laoshan)

เป็นแพะนมชั้นยอดของสาธารณรัฐประชาชนจีน พันธุ์แพะหลาวซานขึ้นชื่อเรื่อง การปรับตัวได้ดี เลี้ยงง่าย กินอาหารไม่เลือก มีความต้านทานต่อโรคค่อนข้างสูง ที่สำคัญเป็นพันธุ์ที่มีระยะการให้นม 8-10 เดือน โดยมีปริมาณการให้นมต่อระยะการให้นม ประมาณ 800 กิโลกรัม มีความสมบูรณ์พันธุ์ค่อนข้างสูงมาก โดยลักษณะรูปร่างของพันธุ์แพะหลาวซาน มีรูปร่างและลักษณะคล้ายๆกับพันธุ์แพะซานนพันธุ์แท้ ซึ่งลักษณะนิสัยทั่ว ๆ ไปของแพะนมหลาวซาน คือ กระฉับกระเฉง และร่าเริง โดยเฉพาะลูกแพะชอบที่จะปีนไปตามเขา และกระโดดตามพื้นที่ที่เป็นเนินเขา สูงต่ำ ฝาผนังคอกหรือหลังคาบ้านชอบที่จะอยู่ในบริเวณที่สะอาดและแห้ง และชอบรวมตัวกันเป็นฝูง สามารถกินพืชไร่และหญ้าได้หลายชนิด และที่เห็นได้ชัดคือลักษณะเด่นของปากแพะ คือ มีฟันที่คม และริมฝีปากบาง จึงชอบกินหญ้าที่มีลำต้นตั้งแต่สั้น ใบไม้ และกิ่งที่อ่อน

5. พันธุ์แพะแบล็คเบงกอล

เป็นแพะพื้นเมืองจากประเทศบังกลาเทศได้รับมาเลี้ยงในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2548โดยมูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง นำไปเลี้ยงและขยายพันธุ์เพื่อเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรเป็นแพะที่มีขนาดเล็ก สูงประมาณ 40-60 ซม. มีขนสั้นเป็นมันเงา ส่วนใหญ่มักจะเป็นสีดำ แต่อาจจะพบได้ทั้งสีน้ำตาลเข้ม สีขาว หรือสีเทาใบหูมีขนาดเล็กตั้งชี้ไปข้างหน้า ขนสั้น ละเอียดนุ่ม โตเต็มวัย จะมีความสูงที่หัวไหล่ประมาณ 40-46 ซม. น้ำหนักตัวผู้ 15 กก. ตัวเมีย 12 กก.
ลักษณะที่ไม่เหมือนแพะสายพันธุ์อื่น ตัวผู้และตัวเมียมีเคราและเขาเหมือนกันพบทั่วไปในบังกลาเทศและเขตเวสต์ เบงกอลของอินเดีย แม้จะมีขนาดเล็ก เพศผู้น้ำหนักตัวประมาณ 25 ถึง 30 กก. แต่โครงสร้างของร่างกายแน่น ขาสั้น

แพะแบล็คเบงกอลเลี้ยงดูแลง่าย กินอาหารได้หลากหลาย ทั้งหญ้า ไม้พุ่ม ไม้เลื้อย วัชพืชในเรือกสวนไร่นา วัสดุเศษเหลือจากการเกษตร ทำให้มีต้นทุนค่าอาหารต่ำ อีกทั้งเป็นสัตว์ที่ทนทานและสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆได้เป็นอย่างดี ทำให้แพะ สามารถเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
จุดเด่นสายพันธุ์นี้ มีความสมบูรณ์พันธุ์สูง การเจริญเติบโตเข้าสู่วัยหนุ่มสาวเร็วมาก อายุ 15-16 เดือน สามารถผสมพันธุ์ ได้แล้ว ตั้งท้องเพียง 150 วัน เมื่อตกลูกมักจะออกแฝด 2 ถึง 4 ตัว และยังผสมพันธุ์ได้ทั้งปี ข้อดี…เนื้อมีคุณภาพดี รสชาติดี หนัง มีราคาแพง จึงเลี้ยงเพื่อผลิตเนื้อและหนังเป็นหลัก แต่มีข้อด้อย…ให้น้ำนมค่อนข้างน้อย

6. พันธุ์แพะแองโกลนูเบียน (Anglo-Nubian)

เป็นแพะสายพันธุ์นี้นิยมเลี้ยงทั้งแพะเนื้อและแพะนม พันธุ์แพะนี้ทางกรมปศุสัตว์ได้นำมาเลี้ยงและขยายพันธุ์ในประเทศไทย เพื่อที่จะให้พันธุ์แพะพื้นเมืองในประเทศไทยมีขนาดใหญ่ขึ้น พันธุ์แพะแองโกล- นูเบียน นี้มีขนาดตัวใหญ่มาก น้ำหนักแรกเกิดอยู่ที่ 2-5 กิโลกรัม แพะพันธุ์นี้มีหลายสี ทั้งสีเดียวในตัวและสีด่างปน ดั้งจมูกโด่งและงุ้ม ใบหูยาวและปรกลง ปกติแพะพันธุ์นี้จะไม่มีเขา ถ้ามีเขาเขาจะสั้นและเอนแนบติดกับหนังหัว ขนสั้นละเอียดเป็นมัน มีขายาว ซึ่งช่วยให้เต้านมอยู่สูงทำให้ง่ายต่อการรีดนม แพะพันธุ์นี้สามารถทนต่ออากาศร้อนได้ดี แต่ในเรื่องผลผลิตแพะพันธุ์นี้จะให้น้ำนมน้อยกว่าแพะพันธุ์อื่นๆ น้ำนมจะได้ประมาณ 1.5 ลิตรต่อวัน ระยะเวลาให้น้ำนมประมาณ 165 วันเท่านั้นเอง

ที่มา : facebook Jetawich Aitsaro Jetawich


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สูตรอาหารเป็ดไข่ลดต้นทุน ประหยัดค่าหัวอาหาร

สูตรอาหารเป็ดไข่ลดต้นทุน ประหยัดค่าหัวอาหาร

สูตรอาหารเป็ดไข่ลดต้นทุน

หัวใจสำคัญของการเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประเภทไหนหรือสัตว์อะไรนั้น อาหารถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เรากำหนดราคาขายได้ เพราะอาหารนั้นถือว่าเป็นต้นทุนที่สำคัญอันดับต้นๆ ที่จะบอกได้ว่าเรามีกำไรมากหรือน้อย ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำ สูตรอาหารเป็ดไข่ลดต้นทุน กัน

เป็ดไข่ เป็นสัตว์ปีกอีกประเภทหนึ่งที่เลี้ยงดูง่าย สามารถกินอาหารตามธรรมชาติได้ หรืออาหารสำเร็จรูปได้ดี และให้ผลผลิตไข่ปริมาณมาก เมื่อเทียบกับสัตว์ปีกชนิดอื่นๆ แต่อาจจะสู้ไก่ไข่ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เป็ดไข่จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงรองมาจากไก่ไข่ โดยเฉพาะในปัจจุบันมีพันธุ์เป็ดไข่เชิงการค้าและพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทยได้ดีขึ้น

สูตรที่ 1 อาหารเป็ดไข่ลดต้นทุน

วัตถุดิบ มีดังนี้

  • หัวอาหารเป็ดไข่สำเร็จรูป ประมาณ 2 -3 กิโลกรัม
  • หยวกกล้วยหั่นหรือสับเป็นชิ้น 1-2  กิโลกรัม
  • รำข้าว 5 กิโลกรัม
  • ข้าวเปลือก 1-2  กิโลกรัม
  • อีเอ็ม 3 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ ประมาณครึ่งขีด

วิธีการทำ

  •  โดยวิธีการนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมรวมกันและนำไปแบ่งให้เป็ดกิน ตามความเหมาะสมได้เลย

สูตรที่ 2 สูตรอาหารเป็ดไข่ลดต้นทุน

วัตถุดิบในการผลิตอาหารเป็ดนั้น แต่ล่ะพื้นที่อาจจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมดังนั้นในการผลทำ สูตรอาหารเป็ดลดต้นทุนเร่งไข่ดก อาจจะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย

วัสดุและอุปกรณ์

  • รำอ่อนหรือรำหยาบก็ได้  1 ส่วน
  • หัวอาหารเป็ดไข่ 1 ส่วน
  • นกล้วยสับ  1 ส่วน
  • แหนแดง, ใบตำลึง, ต้นกล้วยสับ อย่างไดอย่างหนึ่งก็ได้ตามความสะดวก 2 ส่วน
  • กากน้ำตาล ครึ่งกิโลกรัม
  • เกลือ 1-2 ขีด
  • ปลายข้าว 1-2 กิโลกรัม

วิธีการทำ

นำส่วนผสม รำอ่อนหรือรำหยาบ หัวอาหารเป็ดไข่ แหนแดง ใบตำลึง ต้นกล้วยสับ เทลงไปในกะละมังผสมอาหาร แล้วคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้น เทกากน้ำตาล เกลือ และ ปลายข้าว ลงไปคลุกคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ก็สามารถนำไปเป็นอาหารเป็ดไข่ได้แล้ว สามารถปรับอัตราส่วนได้ตามความเหมาะสมหรือตามจำนวนเป็ดที่เลี้ยงได้เลย

การนำไปใช้

สามารถนำอาหารเป็ดที่ผสมได้ ให้เป็ดกินในช่วงเวลาเช้าและเย็นได้เลยไม่ต้องหมัก หรือจะหมกทิ้งไว้หนึ่งคืนก็ได้

สูตรที่ 3 สูตรอาหารเป็ดไข่ลดต้นทุน

วัตถุดิบ มีดังนี้

  • เศษปลาต่างๆ ตามที่หาได้ตามท้องถิ่นประมาณ  10 กิโลกรัม
  • รำอ่อน และ ปลายข้าว อย่างล่ะ 1 ส่วน
  • ท่อนกล้วยสับละเอียดประมาณ 25- 30 กิโลกรัม
  • กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม
  • เกลือ ประมาณ 2 – 3 ขีด
  • ปี๊บ (สำหรับไว้ต้มเศษปลา)
  • ถังดำหรือถังเขียวไว้สำหรับผสมอาหาร 1 ใบ

หมายเหตุ ส่วนผสมนั้นสามารถปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของจำนวนเป็ดที่เลี้ยงไว้ได้ตามความต้องการ อาจจะมากหรือน้องตามสัดส่วนที่ต้องการได้เลยครับ

วิธีการทำ

  • เริ่มจากการนำเศษปลามาต้มโดยเทใส่ปี๊บต้มให้สุก จากนั้นตั้งพักไว้ให้เย็น
  • แล้วนำท่อนกล้วยที่สับละเอียด  กากน้ำตาล  เกลือ ทั้งหมดที่เตรียมไว้  เทลงในถังผสมอาหารที่เตรียมไว้ แล้วคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำเศษปลาที่ต้มและน้ำต้มปลามาเทรวมกัน คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง
  • จากนั้นก็สามารถนำไปใช้เป็นอาหารเลี้ยงเป็ดได้ ปริมาณส่วนผสมที่ได้จะเลี้ยงเป็ดได้ประมาณ 50-60 ตัว

การนำไปใช้
นำสูตรอาหารเป็ดไข่ที่เราผสมได้ ไปผสมกับปลายข้าว 1 ส่วน และรำอ่อนอีก 1 ส่วน กรณีมีข้าวเปลือกก็สามารถเพิ่มเข้าไปได้อีก 1 สวนก็ได้ ให้เป็ดกินในช่วงเวลาเช้าและเย็น


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แกงปลาช่อนใส่หน่อไม้ส้ม แบบพื้นบ้าน สไตล์อีสาน

แกงปลาช่อนใส่หน่อไม้ส้ม แบบพื้นบ้าน สไตล์อีสาน

แกงปลาช่อนใส่หน่อไม้ส้ม

แกงปลาช่อนใส่หน่อไม้ส้ม


สวัสดีครับทุกคน วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับเมนูบ้าน ๆ ที่ความอร่อยไม่ได้บ้านๆ กันครับ สำหรับเมนูที่ว่านี้ นั้นคือเมนู แกงปลาช่อนใส่หน่อไม้ส้ม หรือหน่อไม้ดองนั้นเองครับ สำหรับการทำเมนูนี้ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากมากนัก พระเอกของเมนูนี้ก็คือ ปลาช่อน และหน่อไม้ส้มนั้นเองครับ

สำหรับ แกงปลาช่อนใส่หน่อไม้ส้ม นั้นกรณีไม่มีปลาช่อน หรือหาไม่ได้ก็สามารถนำปลาชนิดอื่นมาแกงแทนได้เหมือนกันครับ เช่น ปลากด ปลาแขยง ปลาตะเพียน เป็นต้น รสชาติอร่อยไม่แพ้กันเลยครับ

เรามาดูการเตรียมวัตถุดิบและวิธีการทำกันครับ ว่ามีขั้นตอนอย่างไหร่บ้าง

ขั้นตอนการเตรียมเครื่อง

  • พริก (ตามชอบตำพอหยาบ ๆ)
  • หั่นตะไคร้
  • หอมแดง
  • หัวข่า
  • ล้างปลา ถอดเกล็ดปลา และหั่นเป็นแว่น ๆ ไม่ต้องไส้ปลาออก เพราะกินได้ครับ
  • หน่อไม้ดองล้างคั้นน้ำเปรี้ยวออก
  • ใบแมงลักเด็ด, ต้นหอมหั่นเตรียมไว้

แกงปลาช่อนใส่หน่อไม้ส้ม

ขั้นตอนการทำ

  • เทน้ำใส่หม้อพอประมาณ เปิดไฟต้มน้ำรอจนเดือด ตำพริก, ตามด้วยตะไคร้หั่นแฉลบ, หัวหอมบุบพอแตก ลงไปพอน้ำเดือด ได้กลิ่นหอมเครื่อง ใส่ปลาช่อนลงไป เติมเกลือเล็กน้อย (ห้ามคนเด็ดขาด) ปล่อยไว้จนน้ำเดือดขึ้นมาอีกครั้ง
  • ตามด้วยหน่อไม้ดองลงไปเลย
  • เราจะปรุงรสด้วย น้ำปลาร้า,น้ำปลา, ผงชูรส (ชิมรสตามชอบ ** การทำอาหารไม่มีรสชาดตายตัว อยู่ที่คนชอบเลยครับ)
  • เสร็จแล้วตักเสิร์ฟร้อนๆ ได้เลย

เคล็ดลับน่ารู้..ใครว่าหน่อไม้ดองไม่มีประโยชน์

ประโยชน์ของ “หน่อไม้” ก็มีคือ หน่อไม้ทุกชนิดจะมีกากใยอาหารที่ดีต่อการขับถ่าย หน่อไม้ดองใช้บำรุงไต ล้างยา และล้างพิษ หน่อไม้สดช่วยขยายหลอดเลือด แต่ควรกินคู่กับใบย่านาง (จะเป็นการล้างพิษของหน่อไม้ออก) หน่อไม้น้ำใช้รักษาโรคเบาหวาน และหน่อไม้ฝรั่งมีสรรพคุณแก้เมาได้ ซึ่งประโยชน์ทั้งหลายจะมีแตกต่างกันไปตามชนิดของหน่อไม้

ภาพประกอบจาก | facebook ครัว ไทบ้าน


บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

บ้านชั้นเดียวสไตล์ร่วมสมัย โทนสีเหลืองอ่อน พร้อมระเบียงพักผ่อน

บ้านชั้นเดียวสไตล์ร่วมสมัย (Contemporary Style) โทนสีเหลืองอ่อน พร้อมระเบียงพักผ่อน

บ้านชั้นเดียวสไตล์ร่วมสมัย

วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชม บ้านชั้นเดียวสไตล์ร่วมสมัย (Contemporary Style) หลังคาทรงจั่วให้ความรู้สึกคลาสสิค ดูอบอุ่น มาในโทนสีสบายตา ครบครันทุกฟังก์ชั่น มาพร้อมกับการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างยุคสมัยเข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้บ้านหลังนี้ดูมีเสน่ห์ และน่าอยู่มากๆ ใครที่ชอบบ้านสไตล์นี้เราลองไปชมบ้านหลังนี้กันเลย

ผลงานและรูปภาพ : โดยทีมงานรวยก่อสร้าง
เรียบเรียงโดย : withikaset.com

บ้านชั้นเดียวสไตล์ร่วมสมัย

แบบบ้านชั้นเดียวโทนสีเหลืองอ่อน ออกแบบเน้นความเรียบง่ายและดีไซน์ที่อบอุ่น หลังคาบ้านเป็นทรงปั้นหยด้วยดีไซน์บ้านโดยรวมออกแบบได้อย่างสบายตาและเน้นความเรียบของโทนสีบ้าน บ้านชั้นเดียวมีขนาด 3 ห้องนอน 1 ห้องพระ 2 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว ภายนอกด้วยดีไซน์หน้าบ้านมีบันไดทางขึ้นใหญ่ ด้านข้างราดด้วยพื้นปูนซีเมนต์ ฐานตัวบ้านทาด้วยสีขาว

บ้านชั้นเดียวสไตล์ร่วมสมัย

ประตูและหน้าต่างของบ้านเลือกใช้เป็นประตูไม้ขนาดใหญ่สองบาน หน้าต่างติดตั้งเป็นแบบกระจกใส จึงให้ความโปร่งสบาย พื้นที่บริเวณนี้ยังถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมอื่นๆ ตามความต้องการได้อีกด้วย

บ้านชั้นเดียวสไตล์ร่วมสมัย

เข้ามาภายในบ้านห้องรับแขกหรือห้องโถงโทนสีขาวสว่าง ปูด้วยกระเบื้องพื้นลายไม้ และมีบัวกันเปื้อนสีขาว ส่วนของเพดานเป็นสีขาวและติดตั้งด้วยโคมไฟเพื่อความสว่างขนาดใหญ่

บ้านชั้นเดียวสไตล์ร่วมสมัย




ภายในห้องนอนก็จะมีพื้นที่ใช้สอยที่กำลังดี โปร่งสบายด้วยหน้าต่างหลายมุม จึงทำให้ภายในห้องมีความเย็นสบายได้ตลอดทั้งวัน

มุมต่าง ๆ ที่เชื่อมกับตัวห้องนอนจะเห็นว่าเลือกใช้ประตูห้องเป็นโทนสีน้ำตาลและขาว

ห้องครัวเน้นตกแต่งด้วยโทนสีขาวเป็นหลัก ทำให้รู้สึกโล่งโปร่งไม่อึดอัด และมองเห็นคราบสิ่งสกปรกได้อย่างชัดเจน โดยแต่ละโซนมีการออกแบบ เพื่อให้สะดวกสบายต่อการใช้งาน รองรับการทำครัวได้ทุกรูปแแบบ อีกทั้งยังตอบโจทย์การใช้งานต่อสมาชิกทุกคนในบ้านได้อย่างลงตัว

ห้องน้ำ

ส่วนของห้องน้ำมีลวดลายผนังเป็นลายกินอ่อน พื้นกรระเบื้องเป็นลายหกเหลี่ยมดูตระการตาเรียงกันอย่างสวยงาม มีอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกต่อการใช้งานอย่างครบครันพร้อมทั้งช่องระบายอากาศภายในห้องน้ำที่เปิดรับแสงและเป็นช่องระบายได้

ห้องน้ำ

สำหรับใครที่สนใจต้องการบ้านเดี่ยวทรงปั้นหยา หรือสไตล์อื่นๆ สามารถเข้าไปชมผงานการออกแบบได้ทางเพจ รวยก่อสร้าง หรือสอบถามรายละเอียดได้ตามข้อมูลด้านล่างนี้ได้ค่ะ

ช่องทางการติดต่อ
เพจ : โดยทีมงานรวยก่อสร้าง
ติดต่อ : 0636191556
id line : ruaay168


หมายเหตุ : บ้านทุกหลังที่ทางเว็บ www.withikaset.com นั้นได้นำมาลง  ทางเว็บไม่ได้รับสร้างบ้านนะครับ เพียงแค่นำเสนอเพื่อเป็นไอเดียสำหรับคนที่กำลังสร้างบ้านเท่านั้น และถ้าหากสนใจแบบบ้านที่เรารีวิว ก็สามารถติดต่อเจ้าของผลงานโดยตรงเองได้เลย ส่วนราคาค่าก่อสร้างบ้านนั้น ขึ้นอยู่กับสถานที่ พื้นที่ก่อสร้าง และ เกรดวัสดุ ซึ่งมีปรับขึ้น-ลงทุกปีครับ และต้องขอบคุณเจ้าของผลงานมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ




บทความอื่นที่น่าสนใจ

ซุปหางวัว เมนูมุสลิมยอดนิยม รสเด็ด น้ำซุปใสไร้กลิ่นคาว

ซุปหางวัว เมนูมุสลิมยอดนิยม รสเด็ด น้ำซุปใสไร้กลิ่นคาว

ซุปหางวัว

ซุปหางวัว


สูตรนี้ไม่คาว ซุปหางวัว เมนูอาหารที่ใครๆ หลายคนคงจะเคยรับประทานและก็ชื่นชอบกัน ซึ่งจริง ๆ แล้วเมนูซุปหางวัวนี้ไม่ได้มีแต่ชาวอิสลามเท่านั้นที่นิยมและชื่นชอบ คนไทยบางคนเองก็ชื่นชอบเมนูนี้ด้วยเช่นกัน เมนูซุปหางวัวนั้น เป็นการนำเอาเฉพาะส่วนของหางวัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นวัตถุดิบหลักมาทำ ซึ่งจะมีวิธีการทำยังไงนั้นวันนี้เราจะพาทุกท่านไปดูวิธีการทำกันครับ

ส่วนผสม

  • หางวัวลอกหนัง  800 กรัม
  • มันฝรั่ง  500 กรัม
  • เกลือ  1-2 ช้อนโต๊ะ
  • พรืกไทยดำเม็ด  1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียม   1/3 ถ้วย
  • หอมแขก   1/2 หัว
  • หอมใหญ่   1 หัว
  • ข่า  1/2 แว่น
  • ตะไคร้   1/2 ลูก
  • ใบมะกรูด   1/2 ใบ
  • ขิง  2-3 ช้อนโต๊ะ
  • อบเชย   2 แท่ง
  • ลูกกระวาน   1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกขี้หนูสวน   1 ถ้วย
  • รากผักชี   3-4 ราก
  • ต้นหอม ผักชี ใบขึ้นฉ่าย   1 ถ้วย
  • โปยกั๊ก   3 ดอก
  • มะนาว   3 ลูก
  • มะเขือเทศ   1 ถ้วย
  • หอมเจียว   1/2 ถ้วย
  • น้ำ   1.5 ลิตร
  • น้ำปลาแท้ ตราเด็กสมบูรณ์  1-2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  • ต้มน้ำให้เดือด ใส่เกลือ ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูดฉีก และหางวัว ต้มทิ้งไว้ประมาณครึ่งชม. จากนั้นตักออกและล้างน้ำสะอาด 2-3 รอบ

  • เตรียมหม้อแรงดัน ใส่น้ำสะอาดลงไป ตามด้วยหางวัว รากผักชี ใบมะกรูดฉีก ขิงซอย หอมแขก กระเทียมจีน หอมหัวใหญ่ แครอท โป๊ยกั๊ก ลูกกระวาน ตะไคร้ซอย ข่า พริกไทยเม็ดตำหยาบ เกลือ มะเขือเทศ และมันฝรั่ง ปิดฝาและนำไปต้ม (หากไม่มีหม้อแรงดันใช้หม้อธรรมดาได้)
  • เมื่อมีไอน้ำออกจากหม้อแรงดัน ให้ลดไฟลงเป็นไฟอ่อนๆ ต้มต่อไปอีก 30 นาที จากนั้นปิดแก๊ส และทิ้งไว้อีก 30 นาที นำแรงดันออกจากหม้อ ค่อยๆ เปิดฝาหม้อ คนเล็กน้อย แล้วชิมรสชาติ
  • จากนั้นเปิดไฟและปรุงรสอีกรอบให้ได้รสชาติที่ชอบ เมื่อได้รสตามชอบ ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย จากนั้นบีบมะนาวตามชอบและพริกขี้หนูสวน ตามด้วยหอมเจียว ต้นหอม ใบผักชี ใบขึ้นช่าย และน้ำปลาแท้ พร้อมเสิร์ฟ

เป็นยังไงกันบ้างกับ วิธีทำซุปหางวัว ที่นำมาฝาก ถึงแม้จะต้องใช้ความพิถีพิถันและเวลาค่อนข้างมาก แต่ก็จะได้น้ำซุป ไว้ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือ เมนูอื่น ๆ ได้อย่างเอร็ดอร่อย ดังนั้น หากใครอยากทำซุปหางวัวกินเอง  ลองทำตามสูตรนี้ได้เลย รับรองว่า หวานใสไร้กลิ่น กลมกล่อมแบบไม่ต้องใส่ผงชูรส แม้แต่ช้อนเดียว

ที่มารูปภาพ :  Facebook จ่าชาติ ทุ่งกุลา


บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

10 ที่เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพ เดินทางง่ายไม่ต้องง้อวันลา

10 ที่เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพ เดินทางง่ายไม่ต้องง้อวันลา

ที่เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพ

เมื่อฤดูร้อนมาถึงสถานที่ท่องเที่ยว ที่นึกถึงเป็นอันดับต้นๆ นั้นก็คือทะเลนั้นเอง สายลม และแสงแดด ในบทความนี้จะมาเอาใจสายทำงานที่มีเวลาน้อยกับ 10 ที่เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพ เดินทางง่ายไม่ต้องง้อวันลา แอดจะมาแนะนำพิกัดทะเลใกล้กรุงเทพฯ เที่ยวทะเลชิลล์ ๆ ให้สดชื่น ฉบับขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง ไปง่าย สะดวกสบายแบบไม่ต้องลางาน จะเช็คอินเสาร์-อาทิตย์ หรือแบบ One Day Trip ก็ยังพักผ่อนได้เต็มที่ จะมีที่ไหนแนะนำบ้างไปดูกันเลยครับ

เกาะล้าน

ภาพประกอบ |ไปไหนไปกัน Where We Go

1. เกาะล้าน อ.บางละมุง ชลบุรี

เกาะล้าน เกาะที่มีหาดทรายขาว น้ำทะเลสีฟ้าใส สวยงามราวกับทะเลทางภาคใต้ บนเกาะมีชายหาดมากมายให้เลือกไปพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็น หาดตาแหวน หาดสังวาลย์ หาดนวล หาดแสม หาดเทียน และหาดตายาย บนเกาะมีที่พักให้เลือกหลากสไตล์และหลายราคา ที่นิยมที่สุดก็จะเป็นบริเวณใกล้กับท่าเรือหน้าบ้าน เนื่องจากอยู่ใกล้ชุมชน ตลาด และร้านสะดวกซื้อ นอกจากนั้นก็จะมีที่พักและร้านอาหารกระจายอยู่รอบเกาะ

เกาะแสมสาร

2. เกาะขาม, เกาะแสมสาร  อ.สัตหีบ ชลบุรี

เกาะขาม และ เกาะแสมสาร อีกหนึ่งเกาะที่ยังคงความธรรมชาติในอำเภอสัตหีบ ชลบุรี ที่เกาะแห่งนี้เป็นการท่องเที่ยวแบบเช้าไป-เย็นกลับ มีน้ำทะเลที่ใสสะอาด สามารถดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น พร้อมกับกิจกรรมอีกมากมายสำหรับสายแอดเวนเจอร์

เกาะเสม็ด ระยอง

3. เกาะเสม็ด ระยอง

เกาะเสม็ด ระยอง ทะเลใกล้กรุงเทพไปเช้าเย็นกลับ เพียงแค่นั่งเรือจากบ้านเพไปไม่ไกล ทุกท่านก็จะพบกับ ที่เที่ยวเกาะเสม็ด ที่มีความสวยงามของธรรมชาติ เกาะเสม็ดเป็นที่รู้จักจากชายหาดสุดยอดฮิตตลอดกัน มาพร้อมแนวปะการังที่มีชีวิตชีวา มีความอุดมสมบูรณ์ และยังมีสถานบันเทิงยามค่ำคืน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย เกาะนี้มีกิจกรรมมากมาย ตั้งแต่การพักผ่อนบนหาดทรายขาวละเอียด ไปจนถึงการสำรวจโลกใต้ท้องทะเลมหัศจรรย์ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเสม็ด นักท่องเที่ยวชื่นชอบการดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกจะต้องประทับใจกับแนวปะการังหลากสีสัน และสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่หลากหลายด้วยกันอีกมากมาย

4.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

ถ้าอยากเที่ยวติดเกาะแต่มีเวลาไม่มาก เกาะสีชังตอบโจทย์สุด ๆ เพราะมาวันเดียวก็เที่ยวได้ ใช้เวลาขับรถมาไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถไปเช้าเย็นกลับได้แบบสบาย ๆ ซึ่งบนเกาะเองก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แบบครบครัน ถึงตัวเกาะจะเล็ก แต่เที่ยวสนุกไม่แพ้ที่อื่นเลย

เกาะสีชัง ชลบุรี

ภาพประกอบจากเพจ | วิ ศ ว ะ พ า เ ที่ ย ว

ไฮไลท์น่าเที่ยวบนเกาะ

  • อัษฎางค์ประภาคาร
  • ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ฃ
  • ช่องอิศริยาภรณ์ หรือ ช่องเขาขาด
  • พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • ยอดพระจุลจอมเกล้า สักการะรอยพระพุทธบาทจำลองและพระบรมสารีริกธาตุ
  • พระจุฑาธุชราชฐาน พระราชวังบนเกาะแห่งแรกในประเทศไทย
  • พระเจดีย์อุโบสถวัดอัษฎางค์นิมิตร
  • สะพานอัษฎางค์ / มุมนี้เป็นมุมห้ามพลาด ต้องมาถ่ายรูปสักครั้ง

 

แหลมแม่พิมพ์ ระยอง

5. แหลมแม่พิมพ์ ระยอง

แหลมแม่พิมพ์ อีกหนึ่งทะเลในจังหวัดระยองที่ขอแนะนำ ที่หาดแห่งนี้มีระยะทางยาว 4 กิโลเมตร มีวิวทิวทัศน์มากมายให้เพื่อน ๆ ได้เก็บภาพความประทับใจ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าและร้านอาหารต่าง ๆ ที่คอยบริการริมหาดอีกด้วย

คุ้งวิมาน จ. จันทบุรี

ภาพประกอบจากเพจ | หนีเที่ยว เดี๋ยวมา

6. หาดคุ้งวิมาน จันทบุรี

หาดคุ้งวิมาน จันทบุรี ทะเลใกล้กรุงเทพไปเช้าเย็นกลับ หาดคุ้งวิมานตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรีเป็นอัญมณีที่ซ่อนอยู่ซึ่งผสมผสานระหว่างความงามของธรรมชาติ และมรดกทางวัฒนธรรม ชายหาดเรียงรายไปด้วยต้นคาซัวรินา เป็นฉากหลังที่งดงาม เหมาะสำหรับวันพักผ่อนริมทะเล หาดคุ้งวิมานยังขึ้นชื่อในเรื่องแนวหินที่มีเอกลักษณ์ซึ่งมีรูปร่างตามลมและทะเลเมื่อเวลาผ่านไป นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นสบายๆ ไปตามชายหาด หรือผ่อนคลายกับทะเลอ่าวไทยที่สวยงาม นอกจากนี้ชายหาดแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของประภาคารเก่าแก่ ซึ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับสวรรค์ริมชายฝั่งแห่งนี้มายิ่งขึ้นอีกด้วย

เกาะกูด-ตราด

7. เกาะกูด ตราด

เกาะกูด ตราด ทะเลใกล้กรุงเทพ สำหรับผู้ที่มองหาความสวยงาม และความเงียบสงบมีความเป็นส่วนตัว เกาะกูด เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยือน เกาะกูด เป็นสถานที่หลีกหนีจากโลกสมัยใหม่ กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย มาเที่ยวชายหาดที่มีความสวยงามของธรรมชาติ น้ำทะเลสีฟ้าครามใส และยังป่าเขตร้อนที่หนาแน่นเป็นฉากหลัง จึงทำให้เกาะแห่งนี้นั้นเหมาะสำหรับการพักผ่อนเป็นอย่างมาก กิจกรรมที่เหล่านักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือ การดำน้ำดิ่งสู่โลกใต้ทะเล และดำน้ำดูแนวปะการังสีสันสดใสที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล

หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์

ภาพประกอบจากเพจ | เที่ยววนไป

8. หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์

หัวหิน แห่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่นอกจากจะมีชายหาดโค้งยาวสุดลูกตาให้เราได้ลงเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนริมหาด หรือขี่ม้าแล้วนั้น หัวหินก็ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เดินตลาดนัดสุดอาร์ตที่ ซิเคด้า มาร์เก็ต เดินช้อปและชิมให้อิ่มท้องที่ ตลาดโต้รุ่ง ช้อปของกินของฝากในบรรยากาศย้อนยุคที่ ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม ตระเวนกินร้านอร่อยเจ้าดังใน ย่านเมืองเก่าหัวหิน นั่งชิลล์เก๋ๆ ตาม คาเฟ่ริมหาด ไหว้หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่ วัดห้วยมงคล ปลดปล่อยความสนุกที่สวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน หรือจะเดินเล่นในสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่ เวเนเซีย หัวหิน พร้อมที่พักสวยๆ มีให้เลือกอีกมากมาย

หาดดงตาล ชลบุรี

9. หาดดงตาล ชลบุรี

เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพ ต้องมาเที่ยวที่ หาดดงตาล ชลบุรี ที่ตั้งอยู่ในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี หาดดงตาลเป็นชายหาดที่ผสมผสานความเงียบสงบและความบันเทิงได้อย่างลงตัว หาดทรายอันงดงามนี้ทอดยาวไปตามชายฝั่งตะวันออกของเมืองพัทยา และมีชื่อเสียงในด้านน้ำทะเลใสดุจแก้ว หาดทรายสีทอง และที่สำคัญยามเย็นพระอาทิตย์ตกที่นี่คือ สวยงามมาก บรรยากาศชายหาดก็เงียบสงบทำให้ที่นี่เป็นสถานที่แห่งนี้นั้นเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจริมทะเลมากเลยค่ะ นอกจากนี้แล้ว หาดดงตาลมีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน เช่น ว่ายน้ำ อาบแดด วอลเลย์บอลชายหาด และกีฬาทางน้ำ หากนักท่องเที่ยวท่านใดกำลังมองหาที่ ดูหมอกใกล้กรุงเทพ แนะนำที่เที่ยวแห่งนี้เลย

บางแสน ชลบุรี

10. บางแสน ชลบุรี

บางแสน เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่เหมาะสำหรับคนเวลาจำกัดสุดๆ ขับรถจากกรุงเทพไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว ไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้ แป๊บเดียวก็ได้ฟินกับบรรยากาศทะเลที่โหยหามาตลอดสัปดาห์แล้ว ปัจจุบันได้มีการจัดระเบียบริมชายหาดบางแสนให้สะอาด มีเตียงผ้าใบน่านั่งให้เลือกหลายจุด พร้อมด้วยอาหารทะเลสุดฟิน นั่งกินเคล้าเสียงคลื่น นอกจากนี้บางแสนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียงอีกมากมาย เช่น เขาสามมุข อ่างศิลา ตลาดหนองมน เป็นต้น

เห็นไหมล่ะครับ ไม่ต้องง้อวันลาก็ไปเก็บที่เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพฯ สวย ๆ ได้ตั้งหลายที่ ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเป็นสายธรรมชาติ สายชิลล์ สายชอบเล็งมุมดีไว้ถ่ายรูป สายแฟมิลี ทั้ง 10 ทะเลใกล้กรุงข้างบนนี้ก็รอพร้อมให้ไปสัมผัสแล้ว 


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

น้ำหมักพริกไทย สูตรเข้มข้น ให้พืชผักงามทั้งสวน

น้ำหมักพริกไทย สูตรเข้มข้น ให้พืชผักงามทั้งสวน

น้ำหมักพริกไทย

หลายๆ ท่านที่ทำสวนหรือปูกผัก อาจจะเคยเจอปัญหาเกี่ยวกับแมลงต่างๆ ที่มาทำลายพืชผลต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งวันนี้เรามีสูตร น้ำหมักพริกไทย สูตรเข้มข้น ให้พืชผักงามทั้งสวน จะว่าไปแล้วสูตรสมุนไพรสำหรับไล่แมลงนั้นมีหลากหลาย แต่จะทราบกันหรือไม่ว่า “พริกไทย” นั้นเป็นวัตถุดิบทำอาหารที่สามารถนำมาทำน้ำหมักเพื่อขับไล่ศัตรูพืชได้ด้วย โดยวิธีทำน้ำหมักพริกไทยนั้นนอกจากจะไล่แมลงต่างๆ แล้ว ยังเป็นสูตรน้ำหมักจากวัตถุดิบธรรมชาติ ปลอดสารเคมีซึ่งใช้ได้ผลกับพืชทุกชนิด เรามาดูวิธีทำน้ำหมักพริกไทย แล้วทดลองทำเพื่อนำไปใช้ในสวนที่บ้านกันดีกว่า

สูตรที่หนึ่ง น้ำหมักพริกไทย

วัตถุดิบ

  • พริกไทยดำ หรือพริกไทยขาว (เมล็ด) 8 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำสะอาด 2 ลิตร

ขั้นตอนการทำ

เริ่มจากนำพริกไทยดำและพริกไทยขาวมาตำให้ละเอียด (การตำจะช่วยให้สารที่ให้รสเผ็ด และสารให้กลิ่นฉุนในพริกไทยออกมาได้ดีขึ้น) จากนั้นนำพริกไทยที่ตำละเอียดดีแล้ว กรอกใส่ขวดที่บรรจุน้ำสะอาดไว้แล้วหมักทิ้งไว้ 1 คืน ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย

วิธีการใช้

ไม่ต้องผสมน้ำใดๆ ทั้งสิ้น สามารถกรอกใส่ขวดแล้วฉีดพ่นได้เลยโดยสามารถฉีดพ่นใบริเวณที่มีเพลี้ย หรือมด แมลงต่างๆ มากวนต้นพืช เช่น ในบริเวณที่พบแมลงศัตรูพืชบ่อยครั้ง

สูตรที่สอง

วัตถุดิบ

  • เมล็ดพริกไทยดำ หรือเมล็ดพริกไทยขาว 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำสะอาด 500 มิลลิลิตร
  • น้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชา
  • มะนาว 1 ผล

ขั้นตอนการทำ

  • ตั้งหม้อบนเตา ใส่น้ำ 250 มิลลิลิตร ลงไปจากนั้นนำพริกไทยที่ต่ำละเอียดดีแล้วใส่ตามลงไป ต้มน้ำให้เดือดพล่านจนได้กลิ่นพริกไทยที่ฉุนมากลอยออกมา แล้วน้ำกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ทิ้งไว้ให้เย็น (วิธีการต้มให้เดือดนี้จะช่วยสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพริกไทยออกมาได้มากที่สุดโดยที่ไม่ต้องหมักทิ้งไว้)
  • เพื่อน้ำเย็นดีแล้วให้กรองเศษพริกไทยอก แล้วกรอกใส่ขวดพร้อมเติมน้ำตามไปอีก 250 บิลลิลิตร (น้ำต้มพริกไทยมีปริมาณเท่าไหร่ ให้ใส่น้ำสะอาดตามลงไปเท่านั้น ในอัตราส่วน น้ำพริกไทย 1 ส่วน ต่อน้ำสะอาด 1 ส่วน)
  • จากนั้นนำน้ำยาล้างจานและน้ำมะนาวใส่ตามลงไป เขย่าให้ส่วนผสมเข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว สามารถนำไปใช้ได้เลย น้ำพริกไทยสูตรนี้ไม่ต้องหมักทิ้งไว้ เพราะลัดขั้นตอนโดยการนำไปต้มแล้ว

วิธีการใช้

  • ไม่ต้องผสมน้ำใดๆ ทั้งสิ้น สามารถกรอกใส่ขวดแล้วฉีดพ่นได้เลยโดยสามารถฉีดพ่นใบริเวณที่มีเพลี้ย หรือมด แมลงต่างๆ มากวนต้นพืช เช่น ในบริเวณที่พบแมลงศัตรูพืชบ่อยครั้งบริเวณยอดหรือบริเวณรากพืช

ที่มา : https://www.technologychaoban.com
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือคู่มือเกษตรกร “รู้ไว้ใช้จริง” ชุดแมลงศัตรูพืช…




บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เลี้ยงแพะสำหรับมือใหม่ ไม่ยากอย่างที่คิด มีอะไรบ้างที่ต้องศึกษา

เลี้ยงแพะสำหรับมือใหม่ ไม่ยากอย่างที่คิด มีอะไรบ้างที่ต้องศึกษา

เลี้ยงแพะสำหรับมือใหม่

เลี้ยงแพะสำหรับมือใหม่

การเลี้ยงสัตว์กำลังได้รับการสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากการปลูกพืชแล้ว การเลี้ยงสัตว์ยังเป็นอาชีพหนึ่งที่สามารถทำรายได้ให้แก่เกษตรกร ทั้งเป็นรายได้หลักและรายได้เสริม เเพะเป็นสัตว์ที่น่าเลี้ยง ทั้งนี้เพราะแพะนอกจากจะเลี้ยงง่ายขยายพันธุ์ได้เร็วแล้ว ยังมีข้อดีต่าง ๆ อีกมาก เช่น

  • แพะ เป็นสัตว์ที่ให้ผลผลิตทั้งเนื้อและนม มีขนาดเล็ก ทำให้ผู้หญิงหรือเด็กก็สามารถให้การดูแลได้
  • แพะ เป็นสัตว์ที่หาอาหารกินเองได้เก่ง กินอาหารได้หลายชนิด ดังนั้นถึงเม้ฤดูแล้ง เพะก็สามารถหาวัชพืช ที่โค-กระบือไม่กินกินเป็นอาหารได้
  • แพะ มีการเจริญดิบโตเป็นหนุ่มเป็นสาวได้เร็ว สามารถใช้แพะผสมพันธุ์ได้ตั้งแค่อายุเพียง 8 เดือน
  • แพะ มีความสมบูรณ์พันธุ์สูง แม่แพะมักคลอดลูกแฝด และใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงถูกสั้น จึงทำให้สามารถตั้งท้องได้ใหม่
  • แพะ เป็นสัตว์ที่ใช้พื้นที่ในการเลี้ยงเพียงเล็กน้อย ทั้งพื้นที่โรงเรือนและพื้นที่สำหรับปลูกพืชอาหารสัตว์สำหรับแพะ

สายพันธุ์แพะ

สำหรับพันธุ์ของแพะที่นิยมนำมาเลี้ยงมีหลายประเภท แต่สายพันธุ์ที่กรมปศุสัตว์วิจัยและปรับปรุงพันธุ์ให้สามารถเลี้ยงได้ในประเทศไทย มี 7 พันธุ์ดังนี้

  1. แพะพันธุ์พื้นเมือง แพะพันธุ์พื้นเมืองในภาคใต้ มีสีหลากหลาย ส่วนใหญ่พบว่ามีสีดำ น้ำตาล หรือน้ำตาลสลับดำ แพะโตเต็มที่เพศเมียนมีความสูงตรงปุ่มหน้าขาประมาณ 48.5 ซม. มีน้ำหนักตัวประมาณ 12.8 – 16.4 กก. แพะพันธุ์พื้นเมืองไทยมีลักษณะคล้ายกับแพะพันธุ์กัตจัง (Kambing Katjang) พันธุ์พื้นเมืองของประเทศมาเลเซีย
  2. แพะพันธุ์แองโกลนูเบียน (Anglonubian) เป็นแพะที่ให้ทั้งเนื้อและนม มีหลายสี ทั้งสีเดียวในตัวและสีด่างปัน สันจมูกเป็นเส้นโค้ง ใบหูยาวปรกลง นำเข้ามาเลี้ยงและขยายพันธุ์ในไทยกว่า 20 ปี
  3. แพะพันธุ์บอร์ (Boer) เป็นแพะพันธุ์เนื้อขนาดใหญ่ จากประเทศแอฟริกาใต้ มีลำตัวสีขาว หัวและคอจะมีสีแดง ใบหูยาวปรก นำเข้ามาเมื่อปลายปี 2539
  4. แพะพันธุ์ซาเนน (Saanen) เป็นแพะพันธุ์นม สีขาวทั้งตัว หูใบเล็กตั้ง หน้าตรง
  5. แพะพันธุ์หลาวซาน (Laoshan) เป็นแพะพันธุ์นม จากประเทศจีน มีลักษณะคล้ายพันธุ์ซาเนน
  6. แพะพันธุ์อัลไพน์ (Alpine) เป็นแพะพันธุ์นม สีน้ำตาลหรือดำ ใบหูเล็กตั้ง หน้าตรง มีแถบสีข้างแก้ม
  7. แพะพันธุ์ทอกเก็นเบิร์ก (Toggenburg) เป็นแพะพันธุ์นม ลำตัวสีช็อกโกแบต ใบหูตั้ง หน้าตรง มีแถบสีขาวข้างแก้ม

รูปแบบการเลี้ยงแพะ

ลักษณะและวิธีการเลี้ยงแพะโดยทั่วไปสามารถจัดแบ่งออกได้เป็น 4 แบบ ด้วยกันคือ

  • การเลี้ยงแบบผูกล่าม   การเลี้ยงแบบนี้ใช้ช็อกผูกล่มที่คอแพะแล้วนำไปผูกให้แพะหาหญ้ากิน รอบบริเวณที่ผูก โดยปกติเชื่อกที่ใช้ผูกกล่าม แพะมักมีความยาวประมาณ 5-10 เมตร การเลี้ยงแบบนี้ผู้เลี้ยงจะต้องมีน้ำและอหารแร่ธาตุไว้ให้แพะกินเป็นประจำด้วย ในเวลากลางคืนก็ต้องนำแพะกลับไปเลี้ยงไว้ในดอกหรือเพิงที่มีที่หลบฝน การผูกล่ามแพะควรเลือกพื้นที่ที่มีร่มเงาที่แพะสามารถหลบแดดหรือฝนไว้บ้าง หากจะให้ดีเมื่อเกิดฝนตกกวรได้นำแพะกลับเข้าเลี้ยงในดอกโรงเรือนเลี้ยงแพะ
  • การเลี้ยงแบบปล่อย  เกษตรกรมักปล่อยแพะให้ออกหาอาหารกินในเวลากลางวัน โดยเจ้าของจะคอยดูแลตลอดเวลาหรือเป็นบางเวลาท่านั้นลักษณะการเลี้ยงเเบบนี้เป็นที่นิยมลี้ยงกันมากในบ้านเรา เพราะเป็นการเลี้ยงที่ประหยัด เกษตรกรไม่ต้องตัดหญ้ามาลี้ยงแพะ แต่จะต้องระมัดระวังอย่าให้แพะเที่ยวทำความเสียหายให้แก่พืชที่เกษตรกรเพาะปลูก เพราะแพะกินพืชได้หลายชนิด
  • การเลี้ยงแบบขังคอก  การเลี้ยงแบบนี้เกษตรกรขังแพะไว้ในคอก รอบ ๆ คอกอาจมีแปลงหญ้าและมีรั้วรอบแปลงหญ้าเพื่อให้แพะได้ออกกินหญ้าในแปลง บางครั้งเกษตรกรต้องตัดหญ้าเนเปียส์หรือกินนีให้แพะกินบ้าง ในคอกต้องมีน้ำและอาหารข้นให้กิน การเลี้ยงวิธีนี้ประหยัดพื้นที่และแรงานในการดูแลเพะ แต่ต้องลงทุนสูง เกษตรกรจึงไม่นิยมทำการเลี้ยงกัน
  • การเลี้ยงแบบผสมผสานกับการปลูกพืช  การเลี้ยงเเบบนี้ทำการเลี้ยงได้ 3 ลักษณะที่กล่าวข้างต้น แต่การเลี้ยงลักษณะนี้เกษตรกรจะเลี้ยงแพะปะปนไปกับการปลูกพืช เช่น ปลูกยางพารา ปลูกปาล์มน้ำมัน และปลูกมะพร้าว ในภาคใต้ของประเทศไทย มีเกษตรกรจำนวนมากที่ทำการเลี้ยงแพะควบคู่ไปกับการทำสวนยาง โดยให้แพะทากินหญ้าใด้ต้นยางที่มีขนาดโตพอสมควร การเลี้ยงแบบนี้ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าการพาะปลูกเพียงอย่างเดียว

เลี้ยงแพะสำหรับมือใหม่

โรงเรือนและอุปกรณ์

เเพะ ก็เหมือนสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ คือจะต้องมีสถานที่สำหรับแพะได้พักอาศัย หลบแดด หลบฝน หรือเป็นที่สำหรับนอนในเวลากลางคืน การสร้างโรงเรือนที่ใช้เลี้ยงแพะควรได้ยึดหลักดังต่อไปนี้

  • พื้นที่ตั้งของดอก คอกแพะควรอยู่ในที่เนินน้ำไม่ท่วมชัง แต่ถ้าหากพื้นที่ที่ทำการเลี้ยงแพะมีน้ำท่วมขังเวลาฝนตก ก็ควรสร้างโรงเรือนแพะให้สูงจากพื้นดินตามความเหมาะสม แต่ทางเดินสำหรับแพะขึ้นลงไม่ควรมีความลาดสูงกว่า 46 องศา เพราะหากสูงมากแพะจะไม่ค่อยกล้าขึ้นลงพื้นดอกที่ยกระดับจากพื้นดินควรทำเป็นร่อง โดยใช้ไม้ขนาดหนา 1 นิ้วกว้าง 2 นิ้ว ปูพื้นให้เว้นร่องระหว่างไม้แต่ละอันห่างกันประมาณ 5 เชนติเมตร หรืออางจะใช้พื้นตอนกรีต โดยปูพื้นดอกเพะด้วยสแลตที่ปูพื้นกอกสุกรก็ได้พื้นที่เป็นร่องนี้จะทำให้มูลของแพะตกลงข้างล่าง พื้นคอกจะแท้งและสะอาดอยู่เสมอ
  • ผนังคอก ผนังคอกแพะควรสร้างให้โปร่ง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี ผนังคอกควรมีความสูงไม่ต่ำกว่า 5 เมตร ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้แพะกระโดดหรือปืนข้ามออกไปได้
  • หลังคาโรงเรือน  แบบของหลังคาโรงเรือนเลี้ยงแพะมีหลายเเบบ เช่น เพิงหมาแหงน หรือ แบบหน้าจั่ว เกษตรกรที่จะสร้างควรเลือกแบบที่คิดว่าเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และทุนทรัพย์ หลังคาโดยปกติมักจะสร้างให้สูงจากพื้นดอกประมาณ 2 เมตร ไม่ควรสร้างโรงเรือนให้หลังคาต่ำเกินไปเพราะอาจทำให้ร้อนและอากาศถ่ายทไม่ดี สำหรับวัสดุที่ใช้มุงหลังคาจะใช้จากหรือแฝก หรือสังกะสีก็ได้
  • ความต้องการพื้นที่ของแพะ แพะมีความต้องการพื้นที่ในการอยู่อาศัยในโรงเรือนประมาณตัวละ 1 ตารางเมตร ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงมักแบ่งภายในโรงเรือนออกเป็นออก ๆ แต่ละคอกขังแพะรวมฝูงกันประมาณ 10 ตัว โดยคัดขนาดของแพะให้ใกล้เคียงกันขังรวมฝูงกัน แต่ถ้าหากเห็นว่าสิ้นเปลืองคำาก่อสร้างก็อาจขังแพะรวมกันเป็นฝูงใหญ่ในโรงเรือนเดียวกันโดยไม่แบ่งเป็นคอก ๆ ก็ได้

อาหารแพะ

อาหารแพะ เป็นปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงแพะให้มีสุขภาพดีและเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ แพะเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องที่สามารถกินอาหารได้หลากหลายชนิด แต่การเลือกอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้แพะได้รับสารอาหารครบถ้วนและมีผลผลิตที่ดี อาหารที่แพะกินได้

  • หญ้า  เป็นอาหารหลักของแพะ สามารถปลูกหญ้าสดให้แพะกิน หรือตัดหญ้ามาให้ก็ได้ หญ้าที่นิยมปลูกเลี้ยงแพะ เช่น หญ้าเนเปียร์ หญ้าแพงโกล่า หญ้าคา
  • พืชตระกูลถั่ว  เช่น ใบกระถิน ใบปอสา ใบมะขามเทศ พืชตระกูลถั่วมีโปรตีนสูง ช่วยในการเจริญเติบโตของแพะ
  • พืชผัก  เช่น ใบผักบุ้ง ใบมันเทศ ใบอ่อนของต้นไม้ต่างๆ แพะชอบกินพืชผัก ช่วยเพิ่มความหลากหลายของอาหาร
  • อาหารข้น อาหารข้นสำหรับแพะมีจำหน่ายตามท้องตลาด มีส่วนผสมของธัญพืช ถั่ว และวิตามินต่างๆ ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง
  • ผลไม้  แพะชอบกินผลไม้ เช่น กล้วย มะละกอ แตงโม ช่วยเพิ่มความหวานและวิตามินให้กับร่างกาย

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกอาหาร

  • อายุและขนาดของแพะ  แพะแต่ละวัยต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน ลูกแพะต้องการโปรตีนสูงเพื่อการเจริญเติบโต ส่วนแพะโตต้องการอาหารที่มีเส้นใยสูงเพื่อการย่อย
  • พันธุ์แพะ  แพะแต่ละพันธุ์มีลักษณะทางพันธุกรรมที่แตกต่างกัน ทำให้ความต้องการอาหารก็แตกต่างกัน สภาพอากาศ ในช่วงฤดูร้อน แพะต้องการน้ำมากขึ้น และอาจต้องการอาหารที่ช่วยลดความร้อน
  • ราคา  อาหารแพะมีราคาแตกต่างกันไป ควรเลือกอาหารที่เหมาะสมกับงบประมาณ

การดูแลสุขภาพของแพะ

ปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเลี้ยงแพะก็คือ แพะมักมีสุขภาพไม่ดีเจ็บป่วยและตาย ทำให้ผู้เลี้ยงเสียหาย ทางหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหานี้ก็คือผู้เลี้ยงต้องหมั่นเอาใจใส่และดูแลในเรื่องสุขภาพของแพะดังต่อไปนี้

  • กำจัดพยาธิภายนอก พยาธิภายนอกที่สำคัญของแพะได้แก่พวกเห็บ เหา หมัด และไร ซึ่งนอกจากจะทำความรำคาญให้แก่แพะแล้วอาจทำให้ขนแพะหลุดเป็นหย่อม 1 หรือเป็นโรคเรื้อนตามมา หากแพะถูกรบกวนด้วยพยาธิภายนอกดังกถ่าวก็จะทำให้สุขภาพไม่ดี ไห้ผลผลิตต่ำ การกำจัดพยาธิภายนอกนี้ทำได้โดยการหมั่นอาบน้ำและฉีดพ่นบริเวณลำตัวด้วยยากำจัดพยาธิภายนอก
  • กำจัดพยาธิภายใน พยาธิภายในที่สำคัญของแพะได้แก่พยาธิตัวกลม พยาธิตัวตึด และพยาธิไบไม้ในตับ ซึ่งพยาธิเหล่านี้จะทำให้แพะซูบผอม เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ขนและผิวหนังหยาบกร้าน การให้น้ำนมลดลงถ้าเป็นรุนแรงทำให้แพะมีอาการโลหิตจาง และตาย การกำจัดพยาธิภายในทำได้โดยการถ่ายพยาธิเมื่อแพะมีอายุได้ 3 เดือน และทำสม่ำเสมอประมาณ 2 เดือนต่อครั้ง ปัจจุบันมียาถ่ายพยาธิที่สามารถถ่ายพยาธิทั้ง 3 ชนิดในครั้งเดียวได้ จึงทำให้การถ่ายพยาธิสะดวกขึ้นมาก
  • การป้องกันโรคระบาดในแพะ โรคระบาดที่สำคัญในแพะและกรมปศุสัตว์สามารถผลิตวักซึนเพื่อป้องกันโรคได้ มีอยู่ 2 โรคด้วยกันคือ
    • โรคปากและเท้าเปื่อยในแพะ โรคนี้เป็นกับสัตว์ถีบคู่ทุกชนิด เมื่อเป็นแล้วทำให้เกิดความเสียหาย และระบาดแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ผู้เลี้ยงแพะควรทำการฉีดวัคชีนนี้ให้แก่เพะที่เลี้ยงอยู่เสมอโดยครั้งแรกทำการดเมื่อแพะอายุได้ 3 เดือน และฉีดครั้งต่อไปเว้นระยะทุก 4-6 เดือน
    • โรคเฮโมราชิกเขพติกซีเมีย แพะมักป่วยเป็นโรคนี้ในฤดูฝนโรคนี้อาจทำให้แพะตายและสามารถเพร่โรคไปสู่แพะตัวอื่นได้ การป้องกันโรคนี้สามารถทำได้โดยการฉีดวัดซึนป้องกันโรคนี้ตั้งแต่แพะอายุได้ 3 เดือน และฉีดซ้ำทุก 6 เดือน

หากคุณสนใจจะเริ่มต้นเลี้ยงแพะ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแหล่งต่างๆ เช่น กรมปศุสัตว์ สหกรณ์การเกษตร หรือกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ การเลี้ยงแพะเป็นอาชีพที่น่าสนใจและมีความยั่งยืน หากคุณมีใจรักในการเกษตรและมีความอดทน การเลี้ยงแพะก็สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้อย่างแน่นอน


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แกงสายบัวใส่ปลาทู แซ่บๆ แบบอีสาน

แกงสายบัวใส่ปลาทู แซ่บๆ แบบอีสาน

แกงสายบัวใส่ปลาทู

สวัสดีครับ วันนี้เรามีเมนูแซ่บ ๆ แบบอีสานมาฝากกันครับ เมนูที่ว่านี้นั่นคือเมนู แกงสายบัวใส่ปลาทู แซ่บๆแบบอีสาน นัวปลาร้า ที่มีรสชาติ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ที่ทำให้หลายๆ คนติดใจในรสชาติ แถมยังที่ทำง่ายใช้วัตถุดิบบ้านๆ ตามท้องไร่ท้องนา และเป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย

ก่อนที่จะทำอาหารเรามาดู สรรพคุณและประโยชน์ของสายบัวกันครับ

ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง (สายบัว) ดอกช่วยแก้ไข้ตัวร้อน (ดอก) ช่วยแก้อาการร้อนใน (ดอก) ก้านบัวสายมีรสจืดและเย็น ช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกาย (ก้านบัว) สายบัวมีเบตาแคโรทีน ซึ่งช่วยป้องกันและต้านโรคมะเร็งในลำไส้ (สายบัว) ก้านดอกและไหลใช้รับประทานได้ โดยนำก้านดอกหรือใบมาลอกผิวหรือเปลือกที่หุ้มอยู่ออก แล้วเด็ดดอกและใบทิ้ง แล้วนำมาใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือ นำไปปรุงเป็นอาหาร เช่น การทำแกง ผัด แกงส้ม แกงกะทิ ฯลฯ

เราจะเห็นได้ว่าทั้งในสายบัว และปลาทูนั้นมีประโยชน์มากมาย ถ้าเช่นนั้นเราก็มาลงมือทำและเตรียมวัตถุดิบเมนู ต้มสายบัวใส่ปลาทู กันครับ

วัตถุดิบ

  • สายบัวปลอกเปลือกหั่นเป็นท่อนๆ
  • ปลาทูนึ่ง 3 – 4 ตัว
  • มะขามเปียก
  • น้ำสะอาด
  • น้ำปลาร้า
  • น้ำปลา
  • ผงชูรส
  • พริกขี้หนู
  • หัวหอมแดง
  • ต้นหอม
  • ใบแมงลัก

วิธีการทำ แกงสายบัวใส่ปลาทู

  • เริ่มจาก ล้างสายบัวให้สะอาด แล้วพักไว้ก่อน
  • แกะก้างปลาทู เรียบร้อยเสร็จแล้วพักไว้  *** ถ้าไม่แกะก้างปลาทู ก็ได้ สามารถใส่ได้ทั้งตัวได้เลย ***
  • จากนั้นโขลกพริก กับ หัวหอมแดง แค่พอแหลก พักไว้ ล้างต้นหอม ให้สะอาด ตัดรากออก แล้วหั่นเป็นท่อน จากนั้นก็ล้างใบแมงลัก แล้วเด็ดใบให้เรียบร้อย เสร็จแล้วพักไว้
  • นำหม้อตั้งไฟกลางๆ ใส่น้ำสะอาดลงไป รอให้น้ำเดือดแล้วจึงใส่พริกแกงลงไป เสร็จแล้วตามด้วยสายบัวที่เตรียมไว้ ใส่ลงไปในหม้อรอให้สายบัวสุกและยุบตัวลง แล้วจึงปรุงรสชาติด้วย น้ำปลาร้า น้ำปลา มะขามเปียก หรือ น้ำมะขามเปียก ผงชูรส คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติ
  • จากนั้นจึงใส่ปลาทูตามลงไป รอให้เดือนประมาณ 3 นาที ให้ปลาทูสุก แล้วจึงใส่ต้นหอมหั่นท่อน และ ใบแมงลัก ลงไปคนให้เข้ากัน แล้วปิดไฟ
  • ตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน จะเป็นข้าวสวย หรือ ข้าวเหนียวตามสะดวกเลยจ้า

ข้อมูลอ้างอิง : medthai , esanbanna.com
เรียบเรียง : Nongnuch


บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง