การตั้งเป้าหมาย และ เคล็ดลับในการบริหารเวลา ให้มีประสิทธิภาพ
การตั้งเป้าหมาย และการบริหารเวลาเป็นทักษะที่สำคัญที่ทุกคนควรมี เพราะจะช่วยให้เราสามารถบรรลุสิ่งที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะในด้านการศึกษา การทำงาน หรือการดำเนินชีวิตทั่วไป
การตั้งเป้าหมายเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการบรรลุสิ่งที่ต้องการ เป้าหมายที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
- เฉพาะเจาะจง (Specific) เป้าหมายควรมีความชัดเจนและสามารถวัดผลได้ เช่น แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า “อยากมีเงินเก็บ” ควรตั้งเป้าหมายว่า “อยากมีเงินเก็บ 100,000 บาท ภายใน 1 ปี”
- วัดผลได้ (Measurable) เป้าหมายควรสามารถวัดผลได้ เช่น แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า “อยากลดน้ำหนัก” ควรตั้งเป้าหมายว่า “อยากลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม ภายใน 2 เดือน”
- บรรลุได้ (Achievable) เป้าหมายควรมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุได้ เช่น แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า “อยากเป็นเจ้าของบริษัทระดับโลก” ควรตั้งเป้าหมายว่า “อยากเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง ภายใน 5 ปี”
- เกี่ยวข้องกัน (Relevant) เป้าหมายควรมีความเกี่ยวข้องกันกับเป้าหมายอื่นๆ และสอดคล้องกับคุณค่าของเรา เช่น แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า “อยากมีเงินเก็บ” และ “อยากมีเวลาพักผ่อน” ควรตั้งเป้าหมายว่า “อยากมีเงินเก็บ 100,000 บาท ภายใน 1 ปี เพื่อนำไปลงทุนในธุรกิจของตัวเอง”
- มีเวลากำหนด (Time-bound) เป้าหมายควรมีกำหนดเวลาที่จะบรรลุ เช่น แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า “อยากลดน้ำหนัก” ควรตั้งเป้าหมายว่า “อยากลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม ภายใน 2 เดือน”
เมื่อเรากำหนดเป้าหมายได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือต้องวางแผนและลงมือทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น เราสามารถวางแผนโดยแบ่งเป้าหมายออกเป็นขั้นตอนย่อยๆ และกำหนดระยะเวลาให้แต่ละขั้นตอน จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมและสามารถติดตามความคืบหน้าของเป้าหมายได้
เคล็ดลับในการบริหารเวลา
การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถจัดสรรเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดให้คุ้มค่ามากที่สุด เราสามารถบริหารเวลาได้ดังนี้
- จัดลำดับความสำคัญ (Prioritization) สิ่งแรกที่ต้องทำคือจัดลำดับความสำคัญของงานต่างๆ ว่างานไหนสำคัญที่สุด งานไหนเร่งด่วนที่สุด และงานไหนสามารถเลื่อนได้บ้าง การจัดลำดับความสำคัญจะช่วยให้เราสามารถโฟกัสกับงานที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดก่อน
- กำหนดเป้าหมายและกำหนดระยะเวลา (Goal setting and time management) เช่นเดียวกับการตั้งเป้าหมายในการบรรลุสิ่งที่ต้องการ เราสามารถกำหนดเป้าหมายและกำหนดระยะเวลาให้กับงานแต่ละงาน จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมและสามารถติดตามความคืบหน้าของงานได้
- จัดการกับสิ่งรบกวน (Distraction management) สิ่งรบกวนต่างๆ เช่น โทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย หรือเพื่อนฝูง อาจทำให้เราเสียเวลาและไม่สามารถโฟกัสกับงานได้ เราสามารถจัดการกับสิ่งรบกวนเหล่านี้ได้ด้วยการปิดเสียงโทรศัพท์ ปิดแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียที่ไม่จำเป็น หรือนัดแนะกับเพื่อนฝูงในช่วงเวลาที่ว่าง
- เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ (Learning to say no) บางครั้งเราอาจถูกขอให้ทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่ความสำคัญของเรา เราสามารถปฏิเสธได้หากเรารู้สึกว่าไม่มีเวลาหรือความเหมาะสมที่จะทำสิ่งนั้น
- หาวิธีทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (Finding ways to work more efficiently) เราสามารถหาวิธีทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ เช่น เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ในการทำงาน หรือใช้เครื่องมือช่วยในการทำงาน
การตั้งเป้าหมายและการบริหารเวลาเป็นทักษะที่สำคัญที่ทุกคนควรมี เพราะจะช่วยให้เราสามารถบรรลุสิ่งที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราสามารถฝึกฝนทักษะเหล่านี้ได้ทุกวัน เริ่มจากการตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่สามารถบรรลุได้ จะช่วยให้เราเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจและกระตุ้นให้เราอยากพัฒนาทักษะเหล่านี้ต่อไป
ที่มา : sarakaset.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ