บทความเกษตร » เทคนิคการปลูกไพล และการดูแลรักษา

เทคนิคการปลูกไพล และการดูแลรักษา

24 ตุลาคม 2022
1414   0

เทคนิคการปลูกไพล และการดูแลรักษา

เทคนิคการปลูกไพล

ไพล หรือ ว่านไพล ชื่อสามัญ Phlai, Cassumunar ginger, Bengal root
ไพล ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber montanum (J.Koenig) Link ex A.Dietr. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Zingiber cassumunar Roxb., Zingiber purpureum Roscoe) จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)
สมุนไพรไพล มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ปูขมิ้น มิ้นสะล่าง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน), ว่านไฟ ไพลเหลือง (ภาคกลาง), ปูเลย ปูลอย (ภาคเหนือ), ว่านปอบ (ภาคอีสาน) เป็นต้น




ลักษณะของไพล

  • ไม้ล้มลุก สูงประมาณ 1 – 1.5 เมตร มีลำต้นใต้ดินลักษณะเป็นเหง้ามีขนาดใหญ่ และเป็นข้อ เปลือกมีสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในหัวสีเหลืองแกมเขียว แทงหน่อหรือลำต้นเทียมขึ้นเป็นกอ โดยจะประกอบไปด้วยกาบหรือโคนใบหุ้มซ้อนกันอยู่ เหง้าไพลสดฉ่ำน้ำ รสฝาด เอียด ร้อนซ่า มีกลิ่นหอมเฉพาะ ส่วนเหง้าไพลแก่สดและแห้งจะมีรสเผ็ดเล็กน้อย
  • ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกใบเรียงสลับระนาบเดียว กว้างประมาณ 3.5-5.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 18-35 เซนติเมตร ลักษณะใบรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน ขอบใบเรียบ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน แผ่นใบบาง เนื้อในละเอียดสีเขียว โคนก้านใบแผ่ออกมีหูใบ
  • ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อเชิงลด แทงช่อดอกออกจากเหง้าใต้ดิน รูปเห็ดหรือรูปกระบองโบราณ มีใบประดับสีม่วงซ้อนกันแน่น รูปโค้งห่อรองรับเป็นกาบปิดแน่น และจะขยายเปิดอ้าออกให้เห็นดอกในภายหลัง กลีบดอกมีสีนวล ออกดอกระหว่างกลีบของใบประดับ
  • ผล เป็นผลแห้งแตก รูปทรงกลม มีเมล็ดกลมแข็งขนาดเล็กอยู่ภายใน เปลือกเมล็ดสีน้ำตาลแกมเหลือง

ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด แง่ง หรือเหง้า แต่โดยทั่วไปแล้วจะใช้ส่วนของเหง้าเป็นท่อนพันธุ์ในการเพาะปลูก พรรณไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชียแถบประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ปลูกกันมากในจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ปราจีนบุรี และสระแก้ว

วิธีการปลูกไพล

การเตรียมดิน

  • ไถพรวนดิน กำจัดเศษวัสดุและวัชพืช ตากดิน 7-15 วัน
  • ปลูกพืชตระกูลถั่วแล้วไถกลบในระยะออกตอก หรือใส่ปุ๋ยคอก 1- 2 ตันต่อไร่
  • ใส่ปูนขาว ปรับค่า pH 5.5 – 6.5

การเตรียมพันธุ์

  • แซ่หัวพันธุ์ใน Indole Acetic Acid ความเข้มข้น 250 ppm เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • แบ่งหัวพันธุ์ น้ำหนัก 100 กรัมต่อหัว มีตา 3 – 5 ตา

การปลูก

  • ใช้ระยะปลูก 25 x 27 เซนติเมตร
  • ชุดหลุมปลูกขนาด กว้าง x ยาว x ลึก 25 x 25 x 15 เซนติเมตร
  • ใส่ปุ๋ยคอกรองกันหลุม หลุมละ 250 กรัม
  • วางเหง้าในหลุม กลบดิน คลุมด้วยฟางหนา 2 นิ้ว

การใส่ปุ๋ย

  • ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 500 กิโลกรัมต่อไร่
  • ใส่หลังการปลูก 1 เดือน และ 4 เดือน

การให้น้ำ

  • ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอจนกว่าพืชจะตั้งตัวได้ หลังจากนั้นให้น้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือตามสภาพแวตล้อม

การกำจัดวัชพืช

  • กำจัดวัชพืช 2 ครั้ง พร้อมการใส่ปุ๋ย

ศัตรูที่สำคัญและการป้องกันกำจัด




โรคเหี่ยว ป้องกันกำจัดโดย

  • ใช้หัวพันธุ์ที่ปลอดโรค และปลูกพืชหมุนเวียนที่ไม่เป็นพืชอาศัยของโรค ในพื้นที่ที่เคยมีการระบาดของโรค ใช้ยูเรียผสมปูนขาว อัตรา 80 : 100 กิโลกรัมต่อไร่ คลุกเคล้าดิน และใช้แผ่นพลาสติก สีดำคลุมทิ้งไว้ 3 สัปดาห์ ก่อนปลูกพืช
  • ขุดต้นที่เป็นโรคเผาทำลาย และโรยปูนขาวรอบหลุมปลูก

การเก็บเกี่ยว

  • เก็บเกี่ยวเมื่อต้นไพลเหี่ยวและฟุบ
  • เก็บเกี่ยวไพลอายุ 1 ปี เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบประกอบเครื่องยา เครื่องสำอาง และส่วนผสมในลูกประคบ
  • เก็บเกี่ยวไพลอายุ 2 ปี เพื่อใช้สกัดน้ำมัน
  • ขุดเหง้าไพลโดยใช้จอบ เสียม ระวังไม่ให้เกิดบาดแผล รอยช้ำ

ประโยชน์ของไพล

  1. ช่วยทำให้ผิวหนังชุ่มชื่น ด้วยการใช้เหง้าสด 1 แง่ง นำมาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วต้มรวมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ เนื่องจากไพลจะมีน้ำมันหอมระเหย (เหง้าสด)
  2. ประโยชน์ไพลช่วยไล่แมลง ฆ่าแมลง (เหง้า)
  3. ช่วยกันยุงและไล่ยุง น้ำมันจากหัวไพลผสมกับแอลกอฮอล์นำมาใช้ทาผิวสามารถช่วยกันยุงและไล่ยุงได้ (หัวไพล)
  4. สามารถนำมาทำเป็น ครีมไพลน้ำมันไพลไพลผงไพลขัดผิวไพลทาหน้าได้

ข้อควรระวัง

  • การรับประทานในขนาดสูงหรือการใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดพิษต่อตับได้ และยังไม่มีความปลอดภัยที่จะนำมาใช้เป็นยารักษาโรคหืด และไม่ควรนำมารับประทานแบบเดี่ยว ๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน นอกจากจะมีการขจัดสารที่พิษต่อตับออกไปเสียก่อน
  • การใช้ครีมไพลห้ามใช้ทาบริเวณขอบตา เนื้อเยื่ออ่อน และบริเวณผิวหนังที่มีบาดแผลหรือมีแผลเปิด
  • ไม่แนะนำให้ใช้สมุนไพรชนิดนี้กับสตรีมีครรภ์ หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตรและเด็กเล็ก

ที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์




บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ