เทคโนโลยีด้านการเกษตร » การเพาะเห็ดนางฟ้า (Sarjou caju Mushroom) แบบละเอียดสำหรับมือใหม่

การเพาะเห็ดนางฟ้า (Sarjou caju Mushroom) แบบละเอียดสำหรับมือใหม่

13 มิถุนายน 2025
942   0

การเพาะเห็ดนางฟ้า (Sarjou caju Mushroom) แบบละเอียดสำหรับมือใหม่

การเพาะเห็ดนางฟ้า

      เห็ดนางฟ้า จัดเป็นเห็ดเศรษฐกิจที่สำคัญที่นิยมรับประทานมากไม่แพ้กว่าเห็ดนางรม และเห็ดฟาง เนื่องจากเห็ดชนิดนี้สามารถเพาะได้ง่าย มีเวลาในการเพาะสั้น ดอกเห็ดออกจำนวนมากดอกเห็ดให้เนื้อนุ่ม สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด อาทิ แกงเลียง และต้มยำ เป็นต้น

      ดอกเห็ดนางฟ้าจะมีลักษณะคล้ายกับดอกเห็ดเป้าฮื้อ และดอกเห็ดนางรม แต่สีของขอบดอกของเห็ดนางฟ้าจะอ่อนกว่าเห็ดนางรมในขณะที่เห็ดนางรมขอบดอกจะมีสีคล้ำมากกว่า ส่วนตัวดอกเห็ดนางฟ้าจะบางกว่าเห็ดนางรมและมีครีบอยู่ชิดกันมากกว่า และเมื่อเทียบกับเห็ดเป้าฮื้อ พบว่า ก้านดอกของเห็ดนางฟ้าจะค่อนอยู่ตรงกลางดอกมากกว่าดอกของเห็ดเป้าฮื้อที่เยื้องไปอยู่ริมขอบดอกด้านใดด้านหนึ่ง และก้านดอกของเห็ดนางฟ้าจะเล็กกว่าก้านดอกของเห็ดเป้าฮืออย่างชัดเจน ส่วนเห็ดนางฟ้าอีกชนิด คือเห็ดนางฟ้าภูฐาน เป็นเห็ดที่นำเข้ามาจากประเทศภูฐาน ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมเช่นกัน โดยดอกเห็ดนางฟ้าอาจออกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุกแน่น มีก้านดอกสั้น สีขาว ไม่มีวงแหวนดอกเห็ดอ่อนมีสีขาว เมื่อแก่มากสีมีสีขาวอมสีน้ำตาลอ่อน มีเส้นใยค่อนข้างละเอียด

เห็ดนางฟ้านิยมนำดอกเห็ดสดมาประกอบอาหาร เช่น เห็ดนางฟ้าชุบแป้งทอด ต้มยำเห็ดนางฟ้า และห่อหมกเห็ดนางฟ้า เป็นต้น

ขั้นตอน การเพาะเห็ดนางฟ้า

1. โรงเรือน

สำหรับเห็ดนางฟ้าจะใช้โรงเรือนที่วางเป็นรูปตัวเอ และควรมีอากาศถ่ายเทดีพอสมควร มีแสงตามความต้องการของเห็ด จะสังเกตได้คือ เมื่อเดินทางเข้าในโรงเห็ดแล้วควรจะหายใจสะดวกไม่อับชื้นหรือร้อนเกินไปโครงสร้างของโรงเรือนทำ ได้ 2 แบบ

  • โรงเรือนชั่วคราว ใช้วัสดุไม่ถาวร ลงทุนไม่มาก เสาทำ ด้วยไม้ไผ่ อายุการใช้งานประมาณ 3 – 4 ปี
  • โรงเรือนถาวร เป็นโรงเรือนสังกะสีหรือกระเบื้องลอน แต่อาจมีปัญหาเรื่องความร้อน จึงควรทำ หลังคาให้สูงขึ้น และควรมีท่อน้ำพาดบนหลังคาเพื่อปล่อยน้ำรดลงมาในเวลาที่อุณหภูมิสูงมาก อายุการใช้งานประมาณ 10 ปีขึ้นไป

2. การวางก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า

     การวางก้อนเชื้อ ไม่จำเป็นต้องกำหนดเป็นรูปแบบตายตัว สามารถวางเห็ดได้มาก นิยมใช้ไม้ไผ่ประกอบกันเป็นรูปตัวเอ (A) หรือรูปสามเหลี่ยมทรงสูง แล้ววางก้อนเชื้อช้อนทับกันไป หันปากถุงออกทางด้านข้างชั้นทั้งสองด้าน ทำช่องระบายอากาศขนาด 40 x 60 เซนติเมตร จำนวน 1- 2 ช่อง สำหรับระบายอากาศด้วยการวางถุงก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้าจะวางในแนวนอน

3. วัสดุเพาะ และสารอาหาร

วัสดุที่นิยมใช้เป็นวัสดุหลักในการเพาะเห็ดนางฟ้า คือ ขี้เลื่อยไม้ยางพารา เนื่องจากสามารถนำมาใช้ได้เลย โดยไม่ต้องหมัก เก็บรักษาง่าย สามารถเก็บไว้ในสภาพแห้งๆ ก็ได้ หรือทิ้งอยู่กลางแจ้งเปียกน้ำ เปียกฝนก็ได้

การเพาะเห็ดนางฟ้า

การใส่อาหารเสริม

ในการทำก้อนเชื้อ มักนิยมเติมแร่ธาตุอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารเสริมที่เห็ดสามารถนำไปใช้ได้โดยตรงในกองขี้เลือยหมักหรือขี้เลื่อยไม้เนื้ออ่อน เพื่อให้เส้นใยเดินเร็ว และให้ผลิตสูงขึ้น อาหารเสริมที่ใช้ได้แก่

  • รำละเอียด อุดมไปด้วยโปรตีนและวิตามินบี ซึ่งเป็นที่ต้องการของเห็ดมาก
  • ปูนขาว และยิบชั่ม ปูนขาวช่วยลดความเป็นกรด และยิบชั่มช่วยลดดความเป็นด่าง เพื่อให้วัสดุเพาะมีสภาพเป็นกลาง หรือค่าของกรดด่างอยู่ในระดับ 6.5 – 7.2
  • ดีเกลือ ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นใย และเร่งการเกิดดอกเห็ด

สูตรส่วนผสมก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า

  • ขี้เลื่อยไม้ยางพารำแห้ง 100 กิโลกรัม
  • รำละเอียด 5 กิโลกรัม
  • ปูนขาว 1 กิโลกรัม
  • ยิบซั่ม 2 กิโลกรัม
  • ดีเกลือ 0.2 กิโลกรัม
  • ความชื้น (น้ำ ) 50 – 60 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม ส่วนผสมนี้บางฟาร์มอาจแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมหรืออาจมีส่วนผสมอื่นเพิ่มเติมก็ได้

ขั้นตอนการเพาะนางฟ้าในถุงพลาสติก

  • การผลิตหัวเชื้อบริสุทธิ์
  • การผลิตหัวเชื้อบนเมล็ดข้าวฟ่าง
  • การผลิตก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า
  • การบ่มเส้นใยเห็ดนางฟ้า
  • การเปิดดอกเห็ดและการดูแลรักษา

1. การผลิตหัวเชื้อบริสุทธิ์

คือ การนำเอาดอกเห็ดหรือสปอร์มาเพาะให้เห็ดเจริญขึ้น เป็นเส้นใย เพื่อใช้ขยายพันธุ์ไปทำ หัวเชื้อต่อไป โดยจะเลี้ยงเส้นใยเห็ดบนวุ้นPDA

  • อุปกรณ์ที่จะใช้ในการแยกเชื้อเห็ด ประกอบด้วย เข็มเขี่ยเชื้อ ตะเกียงแอลกอฮอล์ และตู้เขี่ยเชื่อ เวลาใช้ก็ยกสิ่งของต่าง ๆ ที่ต้องการเข้าไปไว้ภายในแล้วปิดช่องเสียไม่ให้ลมพัดเข้าไป แต่ด้านบนของตู้ควรมีช่องให้อากาศหรือลมร้อนระบายออกได้เล็กน้อย ก่อนใช้งานจะต้องเช็ดตีฆ่าเชื้อภายในให้ทั่วด้วยแอลกอฮอล์
  • การคัดเลือกดอกเห็ดมาทำพันธุ์ เลือกดอกเห็ดที่มีลักษณะสมบูรณ์ เป็นดอกที่โตแข็งแรงดอกใหญ่ น้ำหนักดอกมาก เนื้อแน่น ก้านดอกมีลักษณะแข็งแรงหรือโคนต้นหนา อายุประมาณ 3 วัน หรือก่อนปล่อยสปอร์ 1 วัน ดอกเห็ดที่จะนำ มาแยกเชื่อนี่อย่าให้เปียกน้ำเป็นอันขาด ซึ่งถ้าเป็นดอกที่เพิ่งเก็บเอามาจากแปลงใหม่ๆ ยิ่งดี

การทำอาหารวุ้น PDA

สูตรอาหารเลี้ยงเชื้อเห็ด มีอยู่ด้วยกันหลายสูตรแตกต่างกันออกไป แต่ในการเลี้ยงเชื้อเห็ดนางฟ้า นิยมใช้สูตร PDA สูตรนี้ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษโปเตโต้ เด็กโทรส อะก้าร์ มีวิธีการทำ ที่ง่ายและส่วนผสม ดังนี้

  • มันฝรั่ง ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วต้มเอาแต่น้ำ 200 – 300 กรัม
  • น้ำตาลเด็กโทรส หรือกลูโคลิน 20 – 40 กรัม
  • วุ้น 15- 20 กรัม
  • น้ำสะอาด 1 ลิตร

วิธีเตรียมสารอาหาร PDA

  • ชั่งมันฝรั่งประมาณ 250 กรัม นำมาปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้น ขนาดเท่ากับลูกเต๋า นำลงต้มในน้ำ ประมาณ 1.2 ลิตร ต้มด้วยไฟที่อ่อนๆ และให้น้ำ เดือดประมาณ 15 นาที มันฝรั่งก็จะสุกพอนิ่ม
  • กรองเอาแต่น้ำออกมา และต้มต่อไปพร้อมกับเติมวุ้นผง จำนวน 15 กรัม กวนจนวุ้นละลายหมดประมาณ 10 นาที
  • เติมน้ำตาลเด็กโทรส จำนวน 20 กรัมลงไป คนให้ละลาย แล้วตวงให้ได้ จำนวน 1 ลิตร พอดีหรือใกล้เคียง
  • นำน้ำมันฝรั่งมากรอกใส่ในขวดแบนที่แห้งและสะอาด ใส่ให้สูงกว่าก้นขวดเพียง 2 – 3 เซนติเมตร
  • อุดขวดด้วยจุกสำลีเอากระดาษหุ้มแล้วใช้สายยางรัด
  • นำขวดอาหารไปพึ่งในหม้อนึ่งความดัน ให้มีความดันไอน้ำจำนวน 15 ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว นานประมาณ 20 นาที
  • นำ ออกมาวางเรียงกัน ทิ้งไว้ให้วุ้นเกือบเย็น นำ ขวดอาหารวุ้นมาเอียงนอนลงให้วุ้นแผ่กว้าง เพื่อ เพิ่มพื้นที่ผิววันในถ่ายอาหารวุ้นเลยกึ่งกลางขวดเล็กน้อย
  • ใช้ไม้บาง ๆ รองปากขวดให้สูงเหนือจากพื้นเล็กน้อยในขณะที่เอน และควรระวังไม่ให้วุ้นถูกกับสำลีโดยตรง

2. การทำหัวเชื้อเห็ดนางฟ้าบนเมล็ดข้าวฟ้าง

การทำเมล็ดข้าวฟ่าง

  • นำเมล็ดข้าวฟ้างมาต้มจนสุกนิ่มพอดีอย่าให้ถึงกับเละ นำ ไปใส่ตะแกรงกรองเอาน้ำ ออกให้หมด ผึ่งแดดพอแห้ง
  • กรอกเมล็ดข้าวฟ่างที่แห้งแล้วใส่ขวด เพียงครึ่งขวดหรือประมาณ 2 ใน 3 ของขวด เพื่อช่วยให้เส้นใยเจริญได้รวดเร็ว การกรอกเมล็ดข้าวฟ่างใส่ขวด ควรใช้กรวย สวมปากขวดจะช่วยให้กรอกได้ง่ายขืน และเพื่อป้องกันไม่ให้เมล็ดข้าวฟ้างเปื้อนปากขวด ถ้าหากเปื้อนปากขวดก็ควรเช็ดปากขวดให้สะอาดและแห้ง
  • ใช้สำลีอุดปากขวดให้แน่นพอดี ใช้กระดาษหุ้มทับสำลีอีกชั้นหนึ่งแล้วรัดด้วยยาง เพื่อป้องกันสำลีเปียกเวลานึ่ง นำขวดเชื้อไปนึ่งด้วยหม้อนึ่งความดัน ให้มีความดันไอน้ำ จำนวน 15 ปอนด์/ตารางนิ้ว นาน 25 นาที แล้วทิ้งให้เย็น

การถ่ายเชื้อเห็ดจากอาหารวุ้นลงในขวดเมล็ดข้าวฟ้าง

     ขวดเมล็ดข้าวฟ้างที่นึ่งเรียบร้อยแล้ว จะยังเป็นเพียงเมล็ดพืชที่ต้มแล้วเท่านั้นถ้าหากยังไม่ใส่เชื้อเห็ดลงไป เราจึงต้องนำเอาเชื้อเห็ดนางฟ้าจากขวดอาหารวุ้นที่ได้คัดเลือก และเตรียมไว้แล้วนำมาถ่ายเชื้อหรือต่อเชื้อในเมล็ดข้าวฟ้างเสียก่อน จึงนำ ไปไข้ได้ การเขี่ยเชื้อจากอาหารวุ้นลงในขวดเชื้อ การปฏิบัติก็ทำได้เช่นเดียวกับการทำอาหารวุ้น

      นำขวดเชื้อไปวางเก็บไว้ในห้องที่มีอุณหภูมิปกติ และมืด ประมาณ 8- 12 วัน เส้นใยจะเจริญเต็มขวดเมล็ดพืช เชื้อที่เส้นใยเจริญเต็มขวดใหม่ๆ อยู่ในระยะที่แข็งแรง เหมาะที่จะนำไปใช้งาน ไม่ควรเก็บไว้นานเกินไป เพราะจะทำ ให้เชื้ออ่อนลง และมีโอกาสที่เชื้อจะมีเชื้อปนได้

อย่างไรก็ตาม การทำหัวเชื้อนี้สำหรับบางฟาร์ม ที่ผลิตก้อนเชื้อเพื่อเพาะเอาดอกเห็ดแล้วอาจทำเองหรือไม่ต้องทำก็ได้ เพราะเนื่องจากในปัจจุบันนี้มีผู้ทำ หัวเชื้อที่มีคุณภาพดีจำหน่ายอยู่ทั่วไป และราคาก็ไม่แพงนัก การซื้อมาใช้โดยไม่ต้องทำ เองก็เป็นวิธีที่สะดวก แต่ควรที่จะได้มีการตรวจสอบคุณภาพของเชื้อให้สม่ำเสมอด้วย

3. การทำถุงเชื้อเห็ดนางฟ้า

อุปกรณ์ที่จะต้องใช้มี ถุงร้อนขนาด 7×11 นิ้ว หรือ 9×12 นิ้ว หรือใหญ่กว่านี้ คอขวดพลาสติกทำจากพลาสติกทนร้อน สำลี ยางรัด กระดาษหุ้มสำลี และช้อนตัก

การทำถุงเชื้อ

  • นำขี้เลื่อยไม้เนื้ออ่อนหรือขี้เลื่อยไม้ยางพารา ผสมด้วยปูนขาวประมาณ 1-2 เปอร์เซ็นต์ รำละเอียดประมาณ 3 – 5 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามส่วนผสมนี้บางฟาร์มอาจแตกต่างกันออกไงตามความเหมาะสมหรืออาจมีส่วนผสมอื่น ๆ เพิ่มเติมก็ได้
  • การหมักปุ้ยเมื่อครบกำหนด 1 คืนแล้ว วันรุ่งขึ้นจึงเติมรำละเอียดตามอัตราส่วน หรืออาจเติมดีเกลือลงไปด้วย การผสมน้ำ สำหรับเห็ดนางฟ้า อาจต้องผสมน้ำ ให้ขึ้นปกติไม่ให้แห้งหรือแฉะเกินไป
  • บรรจุในถุงพลาสติก เกือบเต็มถุง หรือประมาณ 1 – 1.2 กิโลกรัม เว้นปากถุงไว้สำหรับสวมคอขวดพลาสติก เพื่อการเขี่ยเชื้อ เมื่อใส่ปุ๋ยหมักลงในถุงแล้วให้ยกถุงกระทุ้งเบาๆเพื่อให้ขี้เลื่อยแน่นหรืออาจใช้มือกดลงไป บางฟาร์มเห็ดมีเครื่องบรรจุถุง ก็นำ มาใช้ได้ เมื่อปุยแน่นแล้วก็รวบปากถุงและใช้คอขวดสวมลงไป ใช้มือดึงถุงให้ตึงแล้วรวบปากถุงลงมา ด้านอกใช้ยางรัดให้แน่น ก็จะทำ ให้ปากถุงก้อนเชื้อแคบลงมีขนาดเท่ากับคอขวด มันจะคงรูปร่างเช่นนี้เรื่อยไป เพื่อใช้

สำหรับให้มีที่ว่างของอากาศสำหรับเขี่ยเชื้อเห็ดลงไป

  • ใช้ไม้ปลายแหลมเจาะรูปุยจากคอขวดให้ลึกลงเกือบกึ่งกลางถุง เพื่อ ให้เชื้อเห็ดที่ใส่ลงไปเจริญได้จากบริเวณกลางถุงหรืออาจไม่เจาะก็ได้ หากไม่เจาะเส้นใยเห็ดก็จะเจริญจากด้านบนลงมา เช่นเดียวกับการทำ หัวเชื้อในเมล็ดข้าวฟาง ทั้งนี้ก็แล้วแต่การปฏิบัติของแต่ละฟาร์ม
  • ใช้สำลีอุด แล้วหุ้มด้วยกระดาษและรัดด้วยยาง หรืออาจใช้ฝาครอบสำลีแทนกระดาษก็ได้ เพื่อ ไม่ให้สำลีเปียกในเวลานึ่ง สำลีที่เปียกอาจนำ เชื้อราต่าง ๆ เข้ามาในถุงได้ง่าย

การนึ่งฆ่าเชื้อถุงปุ๋ย

       เมื่อเตรียมถุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นำไปนิ่งฆ่าเชื้อด้วยหม้อนึ่งความดันหรือหม้อนึ่งลูกทุ่ง เพื่อฆ่าเชื้อต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูเห็ด เวลาในการนึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะของหม้อนึ่งและจำนวนก้อนเชื้อ อาจนึ่งเพียง 2 ชั่วโมง สำหรับการนึ่งเชื้อจำนวนน้อยและนึ่ง 4-6 ชั่วโมง สำหรับเชื้อจำนวนมาก การนิ่งเชื้อจำนวนมากต้องระมัดระวัง และแน่ใจว่าสามารถนึ่งฆ่าเชื้อได้ทั่วถึง หลังจากนึ่งเรียบร้อยแล้วนำก้อนเชื้อออกมาวางเรียงกันให้เย็นสนิทดีเสียก่อน เพื่อรอการเขี่ยเชื้อเห็ดนางฟ้า จากเมล็ดข้าวฟางลงถุงต่อไป

การเขี่ยเชื้อเห็ดจากหัวเชื้อลงในถุงก้อนเชื้อ

ก้อนเชื้อที่ได้จากการนึ่งฆ่าเชื้อด้วยหม้อนึ่งความดันเรียบร้อยแล้ว จึงนำเอาหัวเชื้อเห็ดนางฟ้าในเมล็ดข้าวฟ้างที่ทำขึ้นหรือซื้อเตรียมไว้ล่วงหน้า มาเขียลงไปในก้อนเชื้อโดยปฏิบัติ ดังนี้

  • วางก้อนเชื้อเรียงกันเป็นแถว แล้วแกะเอากระดาษที่หุ้มปิดสำลีออกให้หมด แต่ยังคงจุกสำลีไว้โดยไม่ต้องเปิด และระวังไม่ให้สำลีหลุดออกมาจากคอขวด
  • เช็ดมือด้วยแอลกอฮอล์ให้ทั่ว นำขวดหัวเชื้อเมล็ดข้าวฟ่าง ที่คัดเลือกไว้แล้วเขย่าในขณะที่ยังปิดจุกสำลีอยู่ เพื่อให้เมล็ดข้าวฟ้างกระจาย ถอดจุกสำลีที่ขวดเมล็ดข้าวฟ้างออก
  • นำปากขวดไปลนไฟจากตะเกียงแอลกอฮอล์ ใช้มืออีกข้างหนึ่งเปิดจุกสำลีก้อนเชื้อ แล้วเทหัวเชื้อลงไปในถุงประมาณ 10-20 เมล็ด จากนั้นจึงรีบปิดจุกสำลีทันที ไม่ต้องใช้กระดาษปิดทับถุงต่อไปก็ทำเช่นเดียวกัน ทุก 3-4 ถุง ให้ลนปากขวดด้วยไฟจากตะเกียงแอลกอฮอล์

ทั้งนี้ เมื่อเปิดขวดหัวเชื้อแล้ว ก็เขี่ยเชื้อให้หมด แต่หากเหลือไม่ควรนำกลับมาใช้ใหม่ เพราะเชื้อในขวดอาจตายแล้วหรือเชื้อมีความอ่อนแอ หัวเชื้อหนึ่งขวด สามารถเพาะใส่ถุงได้ประมาณ 50-60 ถุง และสำหรับ เห็ดนางฟ้าบางแห่งจะใช้หัวเชื่อมากกว่านี้ คือ ประมาณ 25-30 ก้อน ต่อเชื้อหนึ่งขวดทั้งนี้เพื่อให้เชื้อเจริญเร็ว และเชื้อเสียน้อย

4. ขั้นตอนการบ่มเส้นใยเห็ดนางฟ้า

หลังจากเขี่ยเชื้อแล้ว ให้นำก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้าไปบ่มในห้องหรือโรงเรือนที่มีอากาศถ่ายเทน้อยและแสงสว่างน้อย ใช้เวลาบ่มประมาณ 22–28 วัน (ฤดูหนาว 15–20 วัน) จนเส้นใยเจริญเต็มถุง หากเส้นใยไม่เดินหรือก้อนเชื้อแฉะ มีเชื้อราปะปน แสดงว่าเชื้อเสีย ควรคัดออกทันที

การทำอาหารวุ้น PDA

การวางก้อนเชื้อควรจัดให้มีอากาศหมุนเวียนและไม่ร้อนเกินไป (ไม่เกิน 25–30°C) โดยเฉพาะในฤดูร้อนควรรดน้ำลดอุณหภูมิหรือระบายอากาศ ส่วนในฤดูหนาวควรบุโรงเรือนด้วยพลาสติกเพื่อรักษาอุณหภูมิ

ควรตรวจสอบก้อนเชื้อทุกวัน หากพบเชื้อรา (เช่น เชื้อราเขียว รำดา) ให้แยกทิ้งทันที สาเหตุอาจมาจากหัวเชื้อเสีย ถุงแตก หรือโรงเรือนไม่สะอาด ดังนั้นต้องรักษาความสะอาดภายในและรอบโรงบ่มอยู่เสมอ

5. ขั้นตอนการเปิดดอกเห็ด

สำหรับลักษณะของวิธีการเปิดถุงเพื่อให้เห็ดออกดอก และลักษณะของการวางถุงก้อนเชื้อในโรงเรือน สามารถทำได้หลายวิธี คือ

  • เปิดจากสำลึให้ออกดอกเห็ดที่ปากถุง โดยการดึงจุกสำลีออกวางถุงในแนวนอนกับพื้นพื้นโดยวางช้อนกันบนแผงรูปตัวเอ หรือวางซ้อนกันบนพื้นโรงเรือน พ่นละอองน้ำเป็นฝอยละเอียดเห็ดจะเกิดแล้วโผล่ออกมาทางปากถุงได้เอง
  • พับปากถุง หลังจากที่เอาคอขวดออกแล้ว เปิดปากถุงพับลงมา ม้วนปากถุงให้อยู่ในระดับเดียวกับวัสดุเพาะหรือก้อนเชื้อ อาจวางก้อนเชื้อเห็ดได้ทั้งในแนวนอนหรือแนวตั้งนชั้นวางติด ๆ กัน วิธีนี้จะเกิดดอกเห็ดครั้งละหลายดอก แต่ดอกเล็กลง เพราะแย่งอาหารกัน 
  • ตัดปากถุง เป็นการเปิดปากถุงโดยใช้มืดโกนปาดปากถุงออก ตรงส่วนของคอขวด เมื่อตัดออกไปแล้วจะเหลือถุงพลาสติกหุ้มก้อนเชื้อส่วนบนอยู่บางส่วน การเปิดวิธีนี้ จะได้ดอกเห็ดน้อยกว่าวิธีแรก แต่น้ำ หนักดอกเห็ดจะดีกว่า
  • การเปลือยถุง แกะเอาถุงพลาสติกออกหมดทั้งก้อน แล้วเอาก้อนเชื้อวางลงใส่ในแบบไม้หรือในตะกร้า รดน้ำ ให้เปียกทั่วทั้งก้อน เวลาเกิดดอกเห็ดจะได้เกิดทุกส่วน คือ ด้านบน และ ด้านข้างแต่ต้องรักษาความชื้นในโรงเรือนให้สูงมาก เพราะก้อนเชื้อจะสูญเสียความชื้นอย่างรวดเร็ว แบบนี้เกิดดอกเห็ดได้เร็ว เกิดขึ้นรอบก้อนแต่หมดไปเร็ว และดอกเห็ดเล็กมาก เพราะแย่งอาหารกัน
  • เพาะแบบแขวนหลักการเดียวกับการวางก้อนเชื้อในแนวนอนแต่ไม่จำเป็นต้องทำชั้นใดๆ ใช้เชือกไนล่อนทำ ขึ้นพิเศษ 4 เส้น ผูกติดกันด้านหัวท้าย ส่วนตรงกลางใส่แผ่นพลาสติกแข็งเจาะรูร้อยเชือกทั้ง 4 เส้น ถ่างห่างออกจากกัน เอาก้อนเชื้อวางช้อนกันได้หลายถุง แขวนห้อยจากคานด้านบน พื้นเรือนเพาะจึงสะอาด 

การดูแลรักษา

โดยธรรมชาติในการเจริญเติบโตของเห็ดนางฟ้า นับตั้งแต่เกิดดอก จนกระทั่งพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้ จะใช้เวลาประมาณ 5 – 7 วัน การเกิดดอกเห็ดก็คือ การที่เส้นใยได้มีการเปลี่ยนรูปมาอัดตัวกันสร้างดอกเห็ดขึ้นเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเหมาะสมผลผลิตและคุณภาพของดอกเห็ดจะดี
หรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

1. อุณหภูมิ

อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเห็ดนางฟ้า คือ ประมาณ 24-26 องศาเซลเซียส ดอกเห็ดจะออกดอกเร็วมาก อาจกล่าวได้ว่าเห็ดนางฟ้าขึ้นได้ดีในหน้าฝนตีพอสมควรในหน้าร้อนดีมากในหน้าหนาว ไม่หนาวจัดจนเกินไป ถ้าหนาวจัดก็จะชะงักการเจริญเติบโตและสีขีดดังนั้น ภาคกลางและภาคใต้ ปลูกได้ทุกฤดู ตลอดปี ภาคเหนือและภาคอีสานจะให้ผลดีในฤดูฝน

2. อากาศ

เห็ดเป็นจุลินทรีย์ที่ต้องการออกซิเจนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเวลาเกิดดอกเห็ดจะต้องการออกซิเจนมาก ทั้งระยะเป็นดอกเห็ดและระยะเป็นเส้นใย

3. ความชื้น

จุลินทรีย์ทั่ว ๆ ไปชอบความขึ้นสูง แต่สำหรับเห็ด เมื่อเทียบกันแล้วก็ทนแล้งได้ดีกว่าจุลินทรีย์อื่น การเพิ่มความชื้นในวัตถุเพาะทำ ได้โดยการรดน้ำ แต่ต้องระวังมิให้มากเกินไปเพราะจะทำ ให้เส้นใยชะงักการเจริญหรือเปียกเกินไป ความชื้นในอากาศ ทำ ได้โดยการพ่นละอองน้ำในอากาศน้ำที่ใช้รดควรเป็นน้ำสะอาดปราศจากสารเคมี และสิ่งสกปรกปนเปื้อน เช่น น้ำ ฝน น้ำคลอง น้ำ บ่อ และน้ำ บาดาล น้ำ ที่ใช้รดเห็ดนางฟ้าควรเป็นกลาง ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ที่เหมาะควรเป็นประมาณ 7 ถ้าสามารถ น้ำ น้ำ ตัวอย่างประมาณ ไปตรวจวิเคราะห์ที่หน่วยงานด้านเกษตร เช่น กรมวิชาการเกษตร กรมที่ดิน เพื่อขอคา แนะนำ ได้ก็จะเป็นการดียิง

4. แสง

เห็ดทุกชนิดไม่สามารถปรุงอาหารเองได้ ต้องอาศัยอาหารจากพืชต่าง ๆ ดังนั้น แสงจึงไม่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเห็ด โดยเฉพาะในระยะที่เส้นใยกาลังลามทั่วก้อนหากมีแสงสว่างมากจะทำ ให้เส้นใยเจริญเติบโตช้าลง ฉะนั้นในระยะของการบ่มก้อนเชื้อเพื่อเลี้ยงเส้นใย ควรทำในโรงเรือนที่มีแสงสว่างน้อยที่สุด อย่างไรก็ตามแสงก็มีความจำเป็นในการกระตุ้นให้เส้นใยรวมตัวกันเพื่อให้เกิดดอกเห็ดได้เร็วขึ้น ในระยะเห็ดออกดอกหากมีแสงน้อยเกินไปหรือไม่เพียงพอ
จะทำ ให้ดอกเห็ดไม่สมบูรณ์ได้ เห็ดนางฟ้าถ้าถูกแสงแดดส่องบ้างก็เจริญ เอนเข้าหาแสง ในช่วงนี้จึงต้องการแสงปานกลาง แสงที่เหมาะคือ ขนาดพอที่จะอ่านหนังสือออกก็พอ และแสงสีน้ำ เงินจะมีผลต่อการออกดอกของเห็ดมากกว่าสีอื่น

5. ความสะอาด

เมื่อเปิดปากถุง และนำก้อนเชื้อไปวางบนชั้นในโรงเพาะแล้ว สิ่งที่ต้องเอาใจใส่ระมัดระวังมากที่สุด คือ ความสะอาด โรงเรือนที่ไม่สะอาดจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ที่เป็นผลเสียต่อเห็ดได้เช่นโรงเรือนที่มีโรค และแมลงศัตรูเห็ด แล้วระบาดทำ ให้ก้อนเชื้อ และดอกเห็ดเสียหายหมดทั้งโรงเรือน

การเก็บเกี่ยว

เมื่อเอาถุงก้อนเชื้อมาเปิดรดน้ำ และมีการดูแลรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม จะเกิดดอกเห็ดเล็ก ๆ ภายในเวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ ขณะที่กำลังเกิดเป็นดอกเห็ดเล็ก ๆ นี้ หากดูแลในเรื่องของความขึ้นได้ดี ดอกเห็ดก็จะโตเต็มที่ภายใน 4-5 วัน ส่วนมากจะเก็บได้ ในวันที่ 4 ถ้าทิ้งไว้นานกว่านั้น ดอกเห็ดจะสร้างสปอร์ออกมาเป็นผงสีขาวละเอียด หลุดร่วงหล่นลงด้านล่าง ดอกเห็ดที่สร้างสปอร์ไปแล้วคุณภาพจะต้อยลง คือ เหนียวขึ้นและรสชาติก็จะชม

ลักษณะของดอกเห็ดที่แก่พอจะเก็บเกี่ยวได้ สังเกตจากก้านของดอกเห็ดจะหยุดการเจริญเติบโตทางด้านความยาว หมวกดอกเริ่มคลี่ออกมาประมาณครึ่งหนึ่ง แล้วเริ่มสร้างสปอร์บ้างขอบดอกจะหนา และรวมตัวเข้าหากันเมื่อเจริญโตเต็มที่แล้วขอบดอกจะคลื่ออก และบางลงกว่าเดิม เป็นระยะที่ควรเก็บเกี่ยวได้ ไม่ควรปล่อยให้โตไปมากกว่านี้ จนกระทั่งปลายหมวกดอกคลีบานเต็มที่ เพราะระยะนี้ดอกเห็ดจะสร้างสปอร์มากทำให้ความหนาแน่นของเนื้อเห็ดลดลง ทั้งยังดอมน้ำมากขึ้น จะช้ำง่ายเมื่อนำไปจำหน่าย

การเก็บดอกเห็ดควรเก็บในตอนเช้ามืด ให้ใช้มือดึงที่โคนออกมาเบาๆ ไม่ควรใช้มืดตัด เพราะเศษเห็ดที่ติดอยู่กับก้อนเชื้อจะเน่า เกิดเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค เมื่อเก็บดอกเห็ดมาแล้ว จึงใช้มีดหรือกรรไกรตัดเอาส่วนโคนที่มีเศษขี้เลื่อยติดมาวางเห็ดคว่ำไว้ในตะกร้าที่สะอาดแต่ละตะกร้าไม่ควรใส่ดอกเห็ดลงไปมากเกินไป หรือไม่ควรใส่เกิน 5 กิโลกรัม/ตะกร้า เพื่อไม่ให้น้ำ หนัก ของดอกเห็ดกด ทับกันจนเสียหาย

ดอกเห็ดนางฟ้า เก็บรักษาได้ไม่ทนมากนัก ควรจะใช้ทำอาหารให้หมดภายใน 1-2 วัน หลังจากที่ตัดออกมา เพราะเห็ดชนิดนี้เก็บไม่ทน มักจะเหี่ยวแม้จะแช่ต้เย็นก็ตาม การเก็บเห็ด ถ้าเก็บในอุณหภูมิห้อง คือ ไม่เข้าตู้เย็น การวางบนใบตองสด เรียงดอกเห็ดบาง ๆ ก็สามารถเก็บไว้ได้ระยะหนึ่ง ถ้าเก็บในตู้เย็นก็ควรเอาใส่ถุงพลาสติกอย่างขุ่น ขยี้แล้วสเปรย์น้ำให้มีหยดเล็ก ๆ ติดภายในเอาดอกเห็ดใส่ถุงรัดด้วยยางหรือเย็บปากถุงไว้


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ