ไลฟ์สไตล์ » เทคนิคอ่านหนังสือสำหรับคนขี้เกียจ (แต่ยังอยากรู้เรื่อง)

เทคนิคอ่านหนังสือสำหรับคนขี้เกียจ (แต่ยังอยากรู้เรื่อง)

10 กันยายน 2025
17   0

เทคนิคอ่านหนังสือสำหรับคนขี้เกียจ (แต่ยังอยากรู้เรื่อง)

เทคนิคอ่านหนังสือสำหรับคนขี้เกียจ

ใครที่รู้ตัวว่า “ไม่ชอบอ่านหนังสือ” หรือแค่เห็นตัวหนังสือก็เบือนหน้าหนี แต่ก็ยังอยากสอบผ่าน อยากเก่ง อยากตามคนอื่นทัน ไม่ต้องห่วงคุณไม่ได้แปลกคนเดียว เพราะหลายคนก็รู้สึกแบบนี้ วันนี้เลยขอรวบรวม เทคนิคการอ่าน เรียนรู้สำหรับคนขี้เกียจ ที่ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องเครียด แต่ก็ยังพอได้ความรู้กลับไปใช้ได้จริงกันครับ

1.เริ่มวันละนิด แค่ 5-10 นาทีพอ

ไม่ต้องฝืนอ่านทีละชั่วโมงเหมือนคนตั้งใจเรียนจ๋า เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ความสม่ำเสมอ” การอ่านวันละนิด วันละหน่อย อย่างน้อย 5-10 นาที ก็เพียงพอที่จะสะสมความรู้ในระยะยาว

  • ลองตั้งเป้าง่าย ๆ เช่น “วันนี้อ่านแค่ 2 หน้า” หรือ “ขอเข้าใจหัวข้อนี้สักนิดก็พอ”
  • ถ้าอ่านแล้วเริ่มสนุก เดี๋ยวจะอยากอ่านต่อเองโดยไม่รู้ตัว เหมือนเวลาเล่นเกม กะว่าจะเล่น 5 นาที สุดท้ายผ่านไปเป็นชั่วโมงก็ยังไม่วาง
  • เริ่มน้อย ๆ แล้วค่อยขยับ อย่าเพิ่งกดดันตัวเอง

2. ลองฟังแทนการอ่าน

ใครที่เบื่อเปิดหนังสือแล้วง่วง ลองเปลี่ยนวิธีดู ปัจจุบันมีทางเลือกมากมาย เช่น audiobook หรือ podcast ที่สามารถฟังได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะฟังตอนเดินทาง ขณะล้างจาน หรือก่อนนอนก็ได้ ไม่เปลืองเวลา มีช่อง YouTube หรือแอปพลิเคชันที่สรุปหนังสือดัง ๆ ไว้หลายเล่ม แบบฟังง่าย ๆ การฟังซ้ำ ๆ จะช่วยให้จำได้แม่นยำขึ้นแบบไม่รู้ตัว เหมาะมากสำหรับคนที่ “ขี้เกียจนั่งอ่าน” แต่ยังเปิดใจเรียนรู้

3. ดูสรุปแทนการอ่านยาว

อยากได้ความรู้แบบเร็ว ๆ ไม่ต้องเปิดหนังสือ 300 หน้า? ลองหาสรุปหนังสือแบบย่อ ที่ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที ช่อง TikTok, IG Reels หรือ YouTube Shorts มีคนทำสรุปหนังสือเยอะมาก เหมาะกับคนสมาธิสั้น ดูคลิปสั้น ๆ ก็พอจับใจความได้ หลายช่องใช้ภาพ การ์ตูน หรือเสียงเล่าเรื่อง ทำให้เข้าใจง่ายขึ้นกว่าเดิมได้ใจความเหมือนกัน แถมไม่เหนื่อยอ่าน

4. จำเป็นต้องจำ = ต้องมีภาพ

สมองของคนเราจำ “ภาพ” ได้ดีกว่าตัวหนังสือ ถ้าคุณอ่านแล้วไม่เข้าใจ ลองเปลี่ยนเป็นการ “วาดภาพในหัว” หรือดู Mind Map / Infographic ที่ช่วยอธิบายเนื้อหาให้เป็นรูปภาพ

  • อ่านแล้วลองจินตนาการภาพในหัวว่า “สิ่งที่อ่าน” หน้าตาเป็นยังไง
  • ดูการ์ตูน หรือคลิปแอนิเมชันอธิบายเนื้อหายาก ๆ จะช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น
  • หรือใช้เทคนิค “สรุปเป็นภาพ” ด้วยตัวเอง ก็เป็นการเรียนรู้อีกรูปแบบที่ได้ผล

เปลี่ยนจากการจำแบบท่อง เป็นการเข้าใจด้วยภาพ

5. ไม่ต้องอ่านหมดทุกหน้า

การอ่านไม่จำเป็นต้อง “อ่านทุกบรรทัด” เหมือนครูบอกไว้เสมอไป เพราะเราสามารถใช้เทคนิค “Skimming” หรือ “การอ่านแบบจับใจความสำคัญ”

  • เริ่มจากการอ่านหัวข้อย่อย → ย่อหน้าแรกของแต่ละบท → จุดที่เน้นเป็นตัวหนา
  • หากเจอส่วนที่ดูไม่สำคัญ ก็ข้ามไปได้เลย ไม่เสียเวลา
  • ถ้าต้องสอบ ก็มองหา keyword ที่มักจะออกข้อสอบหรือเชื่อมโยงกับคำถามบ่อย ๆ

เน้นเฉพาะส่วนที่ต้องรู้ ไม่ต้องเป๊ะทุกบรรทัด ก็เข้าใจได้เหมือนกัน

6. Pomodoro สำหรับคนขี้เกียจ

เทคนิค Pomodoro คือการแบ่งเวลาอ่านแบบมีพัก เช่น “อ่าน 10 นาที → พัก 5 นาที” ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่หมดสมาธิง่ายแค่ตั้งนาฬิกา อ่านสั้น ๆ ก็พอ ไม่ต้องนั่งนานจนล้า บางวันแค่รอบเดียวก็ถือว่าทำสำเร็จแล้ว อย่าไปกดดันว่าต้องอ่านเยอะ ถ้ารู้สึกไหว ก็เพิ่มรอบเพิ่มเวลาได้ตามความเหมาะสม วิธีนี้ช่วยให้สมองได้พัก แถมไม่รู้สึกฝืนจนเกินไป

7. หาแรงจูงใจเล็ก ๆ

ขี้เกียจแค่ไหนก็เอาชนะได้ ถ้ามี “ของล่อใจ” เล็ก ๆ เช่น รางวัลที่ให้กับตัวเองหลังจากอ่านหรือเรียนรู้เสร็จ เช่น อ่านเสร็จแล้วจะกินของโปรด / ได้เล่นมือถือ / เล่นเกม หรือจดเช็กลิสต์ว่า “วันนี้ทำได้แล้ว 1 อย่าง” จะรู้สึกดีขึ้น บางคนสร้างระบบ “สะสมคะแนน” กับตัวเอง เหมือนเล่นเกม แรงจูงใจเล็ก ๆ ทำให้คุณอยากทำซ้ำโดยไม่รู้ตัว

ตัวอย่างเทคนิคที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

“วันนี้ขอดูคลิปสรุปชีววิทยา 5 นาที แล้วจด 3 อย่างที่ได้เรียนรู้”

    ไม่ต้องอ่านเล่มหนา ไม่ต้องนั่งจ้องหนังสือให้หลับคาหน้าแผ่นจด แค่นี้ก็ถือว่าเรียนรู้แล้ว! เทคนิคทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่สำหรับคนขี้เกียจ แต่สำหรับทุกคนที่อยากเรียนรู้ “โดยไม่เครียด” ลองปรับใช้ดู แล้วคุณจะรู้ว่า “ความรู้” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในหนังสือเท่านั้น 


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ