บทความเกษตร » แพะที่เลี้ยงในประเทศไทย มีพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงอะไรบ้าง

แพะที่เลี้ยงในประเทศไทย มีพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงอะไรบ้าง

23 ธันวาคม 2024
158   0

แพะที่เลี้ยงในประเทศไทย มีพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงอะไรบ้าง

แพะที่เลี้ยงในประเทศไทย

สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาอธิบายพันธุ์ แพะที่เลี้ยงในประเทศไทย กันนะครับ ว่ามีสายพันธุ์ที่นิยมมเลี้ยงอะไรบ้าง ในประเทศไทยมีการเลี้ยงแพะหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์พื้นเมืองและสายพันธุ์ต่างประเทศ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีลักษณะเด่นและวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงที่แตกต่างกันไป ดังนี้

1. พันธุ์แพะพื้นเมือง

มีหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นแถบตะวันตก จังหวัดตาก จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนใหญ่จะเป็นแพะจากประเทศอินเดีย หรือปากีสถานมีรูปร่างใหญ่กว่าแพะทางใต้ พันธุ์แพะทางใต้ที่นิยมจะมีหลากหลายสายพันธุ์ พันธุ์แพะทางใต้จะคล้ายกับแพะพันธุ์กัตจัง พันธุ์แพะพื้นเมืองของประเทศมาเลเซีย จะมีลักษณะ สีน้ำตาล หรือน้ำตาลสลับดำ น้ำหนักตัวอยู่ที่ 20-25 กิโลกรัม แต่สายพันธุ์แพะพื้นเมืองนี้ ผลผลิตเนื้อและนมค่อนข้างต่ำ ทำให้มีการนำเข้าสายพันธุ์แพะจากเมืองนอกเข้ามาเลี้ยงและขยายพันธุ์ด้วย

2. พันธุ์แพะซาเนน (Saanen)

เรียกได้ว่าเป็นพันธุ์แพะนมที่ให้ปริมาณน้ำนมสูงมากกว่าพันธุ์แพะอื่น ๆ สายพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ขนสั้น บางตัวมีสีขาวครีม บางตัวมีน้ำตาลอ่อน หัวมีลักษณะแบน ดั้งจมูกลาดตรง ใบหน้าไม่โค้งงุ้ม ใบหูเล็ก และชี้ตั้งไปข้างหน้า ไม่มีเขาทั้งเพศผู้ เพศเมีย แต่ส่วนใหญ่การคัดเลือกพ่อพันธุ์ จะนิยมเลือกพ่อพันธุ์ตัวที่มีเขา มักจะพบการเป็นกระเทย ในพันธุ์แพะนี้ค่อนข้างสูง และยังมีอัตราออกลูกแฝดสูงอีกด้วย แพะตัวผู้มีน้ำหนักประมาณ 70-90 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 50-60 กิโลกรัม และที่สำคัญแพะพันธุ์ซาเนนให้น้ำนมประมาณวันละ 2 ลิตร ระยะเวลาการให้นมนานถึง 200 วัน ทำให้แพะพันธุ์ซาเนน ได้รับฉายาในกลุ่มแพะว่าเป็น “ราชินีแห่งแพะนม” แต่พันธุ์แพะนี้ มีปัญหาในเรื่องของการปรับตัวกับสภาพอากาศในประเทศไทยไม่ค่อยดีนัก ให้แนะนำเลี้ยงแบบล้อมคอก หรือ ล้อมรั้วไว้ตลอดเวลา เพื่อที่ปัญหาในการเจ็บป่วยจะได้น้อยลง และยังได้ผลผลิตที่ดีตามไปด้วย

3. พันธุ์แพะบอร์ (Boer)

เป็นสายพันธุ์แพะเนื้อ ได้รับฉายาว่าราชาแพะเนื้อ ที่ทางกรมปศุสัตว์ได้มีการนำเข้ามาจากประเทศแอฟริกาใต้ เรียกได้ว่าเป็นพันธุ์แพะที่มีโครงสร้างใหญ่และน้ำหนักดี มีลำตัวจะมีสีขาว หัวและคอจะมีสีแดง ใบหูยาวปรก มีน้ำหนักแรกเกิด 4 กิโลกรัม. ตัวโตเต็มที่ตัวผู้ น้ำหนัก 90 กิโลกรัม ตัวเมียน้ำหนัก 65 กิโลกรัม อัตราการเจริญเติบโตค่อนข้างเร็ว และแพะพันธุ์บอร์ยังสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เก่งอีกด้วย

4.  พันธุ์แพะหลาวซาน (Laoshan)

เป็นแพะนมชั้นยอดของสาธารณรัฐประชาชนจีน พันธุ์แพะหลาวซานขึ้นชื่อเรื่อง การปรับตัวได้ดี เลี้ยงง่าย กินอาหารไม่เลือก มีความต้านทานต่อโรคค่อนข้างสูง ที่สำคัญเป็นพันธุ์ที่มีระยะการให้นม 8-10 เดือน โดยมีปริมาณการให้นมต่อระยะการให้นม ประมาณ 800 กิโลกรัม มีความสมบูรณ์พันธุ์ค่อนข้างสูงมาก โดยลักษณะรูปร่างของพันธุ์แพะหลาวซาน มีรูปร่างและลักษณะคล้ายๆกับพันธุ์แพะซานนพันธุ์แท้ ซึ่งลักษณะนิสัยทั่ว ๆ ไปของแพะนมหลาวซาน คือ กระฉับกระเฉง และร่าเริง โดยเฉพาะลูกแพะชอบที่จะปีนไปตามเขา และกระโดดตามพื้นที่ที่เป็นเนินเขา สูงต่ำ ฝาผนังคอกหรือหลังคาบ้านชอบที่จะอยู่ในบริเวณที่สะอาดและแห้ง และชอบรวมตัวกันเป็นฝูง สามารถกินพืชไร่และหญ้าได้หลายชนิด และที่เห็นได้ชัดคือลักษณะเด่นของปากแพะ คือ มีฟันที่คม และริมฝีปากบาง จึงชอบกินหญ้าที่มีลำต้นตั้งแต่สั้น ใบไม้ และกิ่งที่อ่อน

5. พันธุ์แพะแบล็คเบงกอล

เป็นแพะพื้นเมืองจากประเทศบังกลาเทศได้รับมาเลี้ยงในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2548โดยมูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง นำไปเลี้ยงและขยายพันธุ์เพื่อเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรเป็นแพะที่มีขนาดเล็ก สูงประมาณ 40-60 ซม. มีขนสั้นเป็นมันเงา ส่วนใหญ่มักจะเป็นสีดำ แต่อาจจะพบได้ทั้งสีน้ำตาลเข้ม สีขาว หรือสีเทาใบหูมีขนาดเล็กตั้งชี้ไปข้างหน้า ขนสั้น ละเอียดนุ่ม โตเต็มวัย จะมีความสูงที่หัวไหล่ประมาณ 40-46 ซม. น้ำหนักตัวผู้ 15 กก. ตัวเมีย 12 กก.
ลักษณะที่ไม่เหมือนแพะสายพันธุ์อื่น ตัวผู้และตัวเมียมีเคราและเขาเหมือนกันพบทั่วไปในบังกลาเทศและเขตเวสต์ เบงกอลของอินเดีย แม้จะมีขนาดเล็ก เพศผู้น้ำหนักตัวประมาณ 25 ถึง 30 กก. แต่โครงสร้างของร่างกายแน่น ขาสั้น

แพะแบล็คเบงกอลเลี้ยงดูแลง่าย กินอาหารได้หลากหลาย ทั้งหญ้า ไม้พุ่ม ไม้เลื้อย วัชพืชในเรือกสวนไร่นา วัสดุเศษเหลือจากการเกษตร ทำให้มีต้นทุนค่าอาหารต่ำ อีกทั้งเป็นสัตว์ที่ทนทานและสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆได้เป็นอย่างดี ทำให้แพะ สามารถเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
จุดเด่นสายพันธุ์นี้ มีความสมบูรณ์พันธุ์สูง การเจริญเติบโตเข้าสู่วัยหนุ่มสาวเร็วมาก อายุ 15-16 เดือน สามารถผสมพันธุ์ ได้แล้ว ตั้งท้องเพียง 150 วัน เมื่อตกลูกมักจะออกแฝด 2 ถึง 4 ตัว และยังผสมพันธุ์ได้ทั้งปี ข้อดี…เนื้อมีคุณภาพดี รสชาติดี หนัง มีราคาแพง จึงเลี้ยงเพื่อผลิตเนื้อและหนังเป็นหลัก แต่มีข้อด้อย…ให้น้ำนมค่อนข้างน้อย

6. พันธุ์แพะแองโกลนูเบียน (Anglo-Nubian)

เป็นแพะสายพันธุ์นี้นิยมเลี้ยงทั้งแพะเนื้อและแพะนม พันธุ์แพะนี้ทางกรมปศุสัตว์ได้นำมาเลี้ยงและขยายพันธุ์ในประเทศไทย เพื่อที่จะให้พันธุ์แพะพื้นเมืองในประเทศไทยมีขนาดใหญ่ขึ้น พันธุ์แพะแองโกล- นูเบียน นี้มีขนาดตัวใหญ่มาก น้ำหนักแรกเกิดอยู่ที่ 2-5 กิโลกรัม แพะพันธุ์นี้มีหลายสี ทั้งสีเดียวในตัวและสีด่างปน ดั้งจมูกโด่งและงุ้ม ใบหูยาวและปรกลง ปกติแพะพันธุ์นี้จะไม่มีเขา ถ้ามีเขาเขาจะสั้นและเอนแนบติดกับหนังหัว ขนสั้นละเอียดเป็นมัน มีขายาว ซึ่งช่วยให้เต้านมอยู่สูงทำให้ง่ายต่อการรีดนม แพะพันธุ์นี้สามารถทนต่ออากาศร้อนได้ดี แต่ในเรื่องผลผลิตแพะพันธุ์นี้จะให้น้ำนมน้อยกว่าแพะพันธุ์อื่นๆ น้ำนมจะได้ประมาณ 1.5 ลิตรต่อวัน ระยะเวลาให้น้ำนมประมาณ 165 วันเท่านั้นเอง

ที่มา : facebook Jetawich Aitsaro Jetawich


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ