10 ที่เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพ เดินทางง่ายไม่ต้องง้อวันลา

10 ที่เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพ เดินทางง่ายไม่ต้องง้อวันลา

ที่เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพ

เมื่อฤดูร้อนมาถึงสถานที่ท่องเที่ยว ที่นึกถึงเป็นอันดับต้นๆ นั้นก็คือทะเลนั้นเอง สายลม และแสงแดด ในบทความนี้จะมาเอาใจสายทำงานที่มีเวลาน้อยกับ 10 ที่เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพ เดินทางง่ายไม่ต้องง้อวันลา แอดจะมาแนะนำพิกัดทะเลใกล้กรุงเทพฯ เที่ยวทะเลชิลล์ ๆ ให้สดชื่น ฉบับขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง ไปง่าย สะดวกสบายแบบไม่ต้องลางาน จะเช็คอินเสาร์-อาทิตย์ หรือแบบ One Day Trip ก็ยังพักผ่อนได้เต็มที่ จะมีที่ไหนแนะนำบ้างไปดูกันเลยครับ

เกาะล้าน

ภาพประกอบ |ไปไหนไปกัน Where We Go

1. เกาะล้าน อ.บางละมุง ชลบุรี

เกาะล้าน เกาะที่มีหาดทรายขาว น้ำทะเลสีฟ้าใส สวยงามราวกับทะเลทางภาคใต้ บนเกาะมีชายหาดมากมายให้เลือกไปพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็น หาดตาแหวน หาดสังวาลย์ หาดนวล หาดแสม หาดเทียน และหาดตายาย บนเกาะมีที่พักให้เลือกหลากสไตล์และหลายราคา ที่นิยมที่สุดก็จะเป็นบริเวณใกล้กับท่าเรือหน้าบ้าน เนื่องจากอยู่ใกล้ชุมชน ตลาด และร้านสะดวกซื้อ นอกจากนั้นก็จะมีที่พักและร้านอาหารกระจายอยู่รอบเกาะ

เกาะแสมสาร

2. เกาะขาม, เกาะแสมสาร  อ.สัตหีบ ชลบุรี

เกาะขาม และ เกาะแสมสาร อีกหนึ่งเกาะที่ยังคงความธรรมชาติในอำเภอสัตหีบ ชลบุรี ที่เกาะแห่งนี้เป็นการท่องเที่ยวแบบเช้าไป-เย็นกลับ มีน้ำทะเลที่ใสสะอาด สามารถดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น พร้อมกับกิจกรรมอีกมากมายสำหรับสายแอดเวนเจอร์

เกาะเสม็ด ระยอง

3. เกาะเสม็ด ระยอง

เกาะเสม็ด ระยอง ทะเลใกล้กรุงเทพไปเช้าเย็นกลับ เพียงแค่นั่งเรือจากบ้านเพไปไม่ไกล ทุกท่านก็จะพบกับ ที่เที่ยวเกาะเสม็ด ที่มีความสวยงามของธรรมชาติ เกาะเสม็ดเป็นที่รู้จักจากชายหาดสุดยอดฮิตตลอดกัน มาพร้อมแนวปะการังที่มีชีวิตชีวา มีความอุดมสมบูรณ์ และยังมีสถานบันเทิงยามค่ำคืน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย เกาะนี้มีกิจกรรมมากมาย ตั้งแต่การพักผ่อนบนหาดทรายขาวละเอียด ไปจนถึงการสำรวจโลกใต้ท้องทะเลมหัศจรรย์ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเสม็ด นักท่องเที่ยวชื่นชอบการดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกจะต้องประทับใจกับแนวปะการังหลากสีสัน และสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่หลากหลายด้วยกันอีกมากมาย

4.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

ถ้าอยากเที่ยวติดเกาะแต่มีเวลาไม่มาก เกาะสีชังตอบโจทย์สุด ๆ เพราะมาวันเดียวก็เที่ยวได้ ใช้เวลาขับรถมาไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถไปเช้าเย็นกลับได้แบบสบาย ๆ ซึ่งบนเกาะเองก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แบบครบครัน ถึงตัวเกาะจะเล็ก แต่เที่ยวสนุกไม่แพ้ที่อื่นเลย

เกาะสีชัง ชลบุรี

ภาพประกอบจากเพจ | วิ ศ ว ะ พ า เ ที่ ย ว

ไฮไลท์น่าเที่ยวบนเกาะ

  • อัษฎางค์ประภาคาร
  • ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ฃ
  • ช่องอิศริยาภรณ์ หรือ ช่องเขาขาด
  • พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • ยอดพระจุลจอมเกล้า สักการะรอยพระพุทธบาทจำลองและพระบรมสารีริกธาตุ
  • พระจุฑาธุชราชฐาน พระราชวังบนเกาะแห่งแรกในประเทศไทย
  • พระเจดีย์อุโบสถวัดอัษฎางค์นิมิตร
  • สะพานอัษฎางค์ / มุมนี้เป็นมุมห้ามพลาด ต้องมาถ่ายรูปสักครั้ง

 

แหลมแม่พิมพ์ ระยอง

5. แหลมแม่พิมพ์ ระยอง

แหลมแม่พิมพ์ อีกหนึ่งทะเลในจังหวัดระยองที่ขอแนะนำ ที่หาดแห่งนี้มีระยะทางยาว 4 กิโลเมตร มีวิวทิวทัศน์มากมายให้เพื่อน ๆ ได้เก็บภาพความประทับใจ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าและร้านอาหารต่าง ๆ ที่คอยบริการริมหาดอีกด้วย

คุ้งวิมาน จ. จันทบุรี

ภาพประกอบจากเพจ | หนีเที่ยว เดี๋ยวมา

6. หาดคุ้งวิมาน จันทบุรี

หาดคุ้งวิมาน จันทบุรี ทะเลใกล้กรุงเทพไปเช้าเย็นกลับ หาดคุ้งวิมานตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรีเป็นอัญมณีที่ซ่อนอยู่ซึ่งผสมผสานระหว่างความงามของธรรมชาติ และมรดกทางวัฒนธรรม ชายหาดเรียงรายไปด้วยต้นคาซัวรินา เป็นฉากหลังที่งดงาม เหมาะสำหรับวันพักผ่อนริมทะเล หาดคุ้งวิมานยังขึ้นชื่อในเรื่องแนวหินที่มีเอกลักษณ์ซึ่งมีรูปร่างตามลมและทะเลเมื่อเวลาผ่านไป นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นสบายๆ ไปตามชายหาด หรือผ่อนคลายกับทะเลอ่าวไทยที่สวยงาม นอกจากนี้ชายหาดแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของประภาคารเก่าแก่ ซึ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับสวรรค์ริมชายฝั่งแห่งนี้มายิ่งขึ้นอีกด้วย

เกาะกูด-ตราด

7. เกาะกูด ตราด

เกาะกูด ตราด ทะเลใกล้กรุงเทพ สำหรับผู้ที่มองหาความสวยงาม และความเงียบสงบมีความเป็นส่วนตัว เกาะกูด เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยือน เกาะกูด เป็นสถานที่หลีกหนีจากโลกสมัยใหม่ กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย มาเที่ยวชายหาดที่มีความสวยงามของธรรมชาติ น้ำทะเลสีฟ้าครามใส และยังป่าเขตร้อนที่หนาแน่นเป็นฉากหลัง จึงทำให้เกาะแห่งนี้นั้นเหมาะสำหรับการพักผ่อนเป็นอย่างมาก กิจกรรมที่เหล่านักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือ การดำน้ำดิ่งสู่โลกใต้ทะเล และดำน้ำดูแนวปะการังสีสันสดใสที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล

หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์

ภาพประกอบจากเพจ | เที่ยววนไป

8. หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์

หัวหิน แห่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่นอกจากจะมีชายหาดโค้งยาวสุดลูกตาให้เราได้ลงเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนริมหาด หรือขี่ม้าแล้วนั้น หัวหินก็ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เดินตลาดนัดสุดอาร์ตที่ ซิเคด้า มาร์เก็ต เดินช้อปและชิมให้อิ่มท้องที่ ตลาดโต้รุ่ง ช้อปของกินของฝากในบรรยากาศย้อนยุคที่ ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม ตระเวนกินร้านอร่อยเจ้าดังใน ย่านเมืองเก่าหัวหิน นั่งชิลล์เก๋ๆ ตาม คาเฟ่ริมหาด ไหว้หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่ วัดห้วยมงคล ปลดปล่อยความสนุกที่สวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน หรือจะเดินเล่นในสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่ เวเนเซีย หัวหิน พร้อมที่พักสวยๆ มีให้เลือกอีกมากมาย

หาดดงตาล ชลบุรี

9. หาดดงตาล ชลบุรี

เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพ ต้องมาเที่ยวที่ หาดดงตาล ชลบุรี ที่ตั้งอยู่ในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี หาดดงตาลเป็นชายหาดที่ผสมผสานความเงียบสงบและความบันเทิงได้อย่างลงตัว หาดทรายอันงดงามนี้ทอดยาวไปตามชายฝั่งตะวันออกของเมืองพัทยา และมีชื่อเสียงในด้านน้ำทะเลใสดุจแก้ว หาดทรายสีทอง และที่สำคัญยามเย็นพระอาทิตย์ตกที่นี่คือ สวยงามมาก บรรยากาศชายหาดก็เงียบสงบทำให้ที่นี่เป็นสถานที่แห่งนี้นั้นเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจริมทะเลมากเลยค่ะ นอกจากนี้แล้ว หาดดงตาลมีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน เช่น ว่ายน้ำ อาบแดด วอลเลย์บอลชายหาด และกีฬาทางน้ำ หากนักท่องเที่ยวท่านใดกำลังมองหาที่ ดูหมอกใกล้กรุงเทพ แนะนำที่เที่ยวแห่งนี้เลย

บางแสน ชลบุรี

10. บางแสน ชลบุรี

บางแสน เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่เหมาะสำหรับคนเวลาจำกัดสุดๆ ขับรถจากกรุงเทพไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว ไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้ แป๊บเดียวก็ได้ฟินกับบรรยากาศทะเลที่โหยหามาตลอดสัปดาห์แล้ว ปัจจุบันได้มีการจัดระเบียบริมชายหาดบางแสนให้สะอาด มีเตียงผ้าใบน่านั่งให้เลือกหลายจุด พร้อมด้วยอาหารทะเลสุดฟิน นั่งกินเคล้าเสียงคลื่น นอกจากนี้บางแสนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียงอีกมากมาย เช่น เขาสามมุข อ่างศิลา ตลาดหนองมน เป็นต้น

เห็นไหมล่ะครับ ไม่ต้องง้อวันลาก็ไปเก็บที่เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพฯ สวย ๆ ได้ตั้งหลายที่ ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเป็นสายธรรมชาติ สายชิลล์ สายชอบเล็งมุมดีไว้ถ่ายรูป สายแฟมิลี ทั้ง 10 ทะเลใกล้กรุงข้างบนนี้ก็รอพร้อมให้ไปสัมผัสแล้ว 


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

น้ำหมักพริกไทย สูตรเข้มข้น ให้พืชผักงามทั้งสวน

น้ำหมักพริกไทย สูตรเข้มข้น ให้พืชผักงามทั้งสวน

น้ำหมักพริกไทย

หลายๆ ท่านที่ทำสวนหรือปูกผัก อาจจะเคยเจอปัญหาเกี่ยวกับแมลงต่างๆ ที่มาทำลายพืชผลต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งวันนี้เรามีสูตร น้ำหมักพริกไทย สูตรเข้มข้น ให้พืชผักงามทั้งสวน จะว่าไปแล้วสูตรสมุนไพรสำหรับไล่แมลงนั้นมีหลากหลาย แต่จะทราบกันหรือไม่ว่า “พริกไทย” นั้นเป็นวัตถุดิบทำอาหารที่สามารถนำมาทำน้ำหมักเพื่อขับไล่ศัตรูพืชได้ด้วย โดยวิธีทำน้ำหมักพริกไทยนั้นนอกจากจะไล่แมลงต่างๆ แล้ว ยังเป็นสูตรน้ำหมักจากวัตถุดิบธรรมชาติ ปลอดสารเคมีซึ่งใช้ได้ผลกับพืชทุกชนิด เรามาดูวิธีทำน้ำหมักพริกไทย แล้วทดลองทำเพื่อนำไปใช้ในสวนที่บ้านกันดีกว่า

สูตรที่หนึ่ง น้ำหมักพริกไทย

วัตถุดิบ

  • พริกไทยดำ หรือพริกไทยขาว (เมล็ด) 8 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำสะอาด 2 ลิตร

ขั้นตอนการทำ

เริ่มจากนำพริกไทยดำและพริกไทยขาวมาตำให้ละเอียด (การตำจะช่วยให้สารที่ให้รสเผ็ด และสารให้กลิ่นฉุนในพริกไทยออกมาได้ดีขึ้น) จากนั้นนำพริกไทยที่ตำละเอียดดีแล้ว กรอกใส่ขวดที่บรรจุน้ำสะอาดไว้แล้วหมักทิ้งไว้ 1 คืน ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย

วิธีการใช้

ไม่ต้องผสมน้ำใดๆ ทั้งสิ้น สามารถกรอกใส่ขวดแล้วฉีดพ่นได้เลยโดยสามารถฉีดพ่นใบริเวณที่มีเพลี้ย หรือมด แมลงต่างๆ มากวนต้นพืช เช่น ในบริเวณที่พบแมลงศัตรูพืชบ่อยครั้ง

สูตรที่สอง

วัตถุดิบ

  • เมล็ดพริกไทยดำ หรือเมล็ดพริกไทยขาว 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำสะอาด 500 มิลลิลิตร
  • น้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชา
  • มะนาว 1 ผล

ขั้นตอนการทำ

  • ตั้งหม้อบนเตา ใส่น้ำ 250 มิลลิลิตร ลงไปจากนั้นนำพริกไทยที่ต่ำละเอียดดีแล้วใส่ตามลงไป ต้มน้ำให้เดือดพล่านจนได้กลิ่นพริกไทยที่ฉุนมากลอยออกมา แล้วน้ำกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ทิ้งไว้ให้เย็น (วิธีการต้มให้เดือดนี้จะช่วยสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพริกไทยออกมาได้มากที่สุดโดยที่ไม่ต้องหมักทิ้งไว้)
  • เพื่อน้ำเย็นดีแล้วให้กรองเศษพริกไทยอก แล้วกรอกใส่ขวดพร้อมเติมน้ำตามไปอีก 250 บิลลิลิตร (น้ำต้มพริกไทยมีปริมาณเท่าไหร่ ให้ใส่น้ำสะอาดตามลงไปเท่านั้น ในอัตราส่วน น้ำพริกไทย 1 ส่วน ต่อน้ำสะอาด 1 ส่วน)
  • จากนั้นนำน้ำยาล้างจานและน้ำมะนาวใส่ตามลงไป เขย่าให้ส่วนผสมเข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว สามารถนำไปใช้ได้เลย น้ำพริกไทยสูตรนี้ไม่ต้องหมักทิ้งไว้ เพราะลัดขั้นตอนโดยการนำไปต้มแล้ว

วิธีการใช้

  • ไม่ต้องผสมน้ำใดๆ ทั้งสิ้น สามารถกรอกใส่ขวดแล้วฉีดพ่นได้เลยโดยสามารถฉีดพ่นใบริเวณที่มีเพลี้ย หรือมด แมลงต่างๆ มากวนต้นพืช เช่น ในบริเวณที่พบแมลงศัตรูพืชบ่อยครั้งบริเวณยอดหรือบริเวณรากพืช

ที่มา : https://www.technologychaoban.com
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือคู่มือเกษตรกร “รู้ไว้ใช้จริง” ชุดแมลงศัตรูพืช…




บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เลี้ยงแพะสำหรับมือใหม่ ไม่ยากอย่างที่คิด มีอะไรบ้างที่ต้องศึกษา

เลี้ยงแพะสำหรับมือใหม่ ไม่ยากอย่างที่คิด มีอะไรบ้างที่ต้องศึกษา

เลี้ยงแพะสำหรับมือใหม่

เลี้ยงแพะสำหรับมือใหม่

การเลี้ยงสัตว์กำลังได้รับการสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากการปลูกพืชแล้ว การเลี้ยงสัตว์ยังเป็นอาชีพหนึ่งที่สามารถทำรายได้ให้แก่เกษตรกร ทั้งเป็นรายได้หลักและรายได้เสริม เเพะเป็นสัตว์ที่น่าเลี้ยง ทั้งนี้เพราะแพะนอกจากจะเลี้ยงง่ายขยายพันธุ์ได้เร็วแล้ว ยังมีข้อดีต่าง ๆ อีกมาก เช่น

  • แพะ เป็นสัตว์ที่ให้ผลผลิตทั้งเนื้อและนม มีขนาดเล็ก ทำให้ผู้หญิงหรือเด็กก็สามารถให้การดูแลได้
  • แพะ เป็นสัตว์ที่หาอาหารกินเองได้เก่ง กินอาหารได้หลายชนิด ดังนั้นถึงเม้ฤดูแล้ง เพะก็สามารถหาวัชพืช ที่โค-กระบือไม่กินกินเป็นอาหารได้
  • แพะ มีการเจริญดิบโตเป็นหนุ่มเป็นสาวได้เร็ว สามารถใช้แพะผสมพันธุ์ได้ตั้งแค่อายุเพียง 8 เดือน
  • แพะ มีความสมบูรณ์พันธุ์สูง แม่แพะมักคลอดลูกแฝด และใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงถูกสั้น จึงทำให้สามารถตั้งท้องได้ใหม่
  • แพะ เป็นสัตว์ที่ใช้พื้นที่ในการเลี้ยงเพียงเล็กน้อย ทั้งพื้นที่โรงเรือนและพื้นที่สำหรับปลูกพืชอาหารสัตว์สำหรับแพะ

สายพันธุ์แพะ

สำหรับพันธุ์ของแพะที่นิยมนำมาเลี้ยงมีหลายประเภท แต่สายพันธุ์ที่กรมปศุสัตว์วิจัยและปรับปรุงพันธุ์ให้สามารถเลี้ยงได้ในประเทศไทย มี 7 พันธุ์ดังนี้

  1. แพะพันธุ์พื้นเมือง แพะพันธุ์พื้นเมืองในภาคใต้ มีสีหลากหลาย ส่วนใหญ่พบว่ามีสีดำ น้ำตาล หรือน้ำตาลสลับดำ แพะโตเต็มที่เพศเมียนมีความสูงตรงปุ่มหน้าขาประมาณ 48.5 ซม. มีน้ำหนักตัวประมาณ 12.8 – 16.4 กก. แพะพันธุ์พื้นเมืองไทยมีลักษณะคล้ายกับแพะพันธุ์กัตจัง (Kambing Katjang) พันธุ์พื้นเมืองของประเทศมาเลเซีย
  2. แพะพันธุ์แองโกลนูเบียน (Anglonubian) เป็นแพะที่ให้ทั้งเนื้อและนม มีหลายสี ทั้งสีเดียวในตัวและสีด่างปัน สันจมูกเป็นเส้นโค้ง ใบหูยาวปรกลง นำเข้ามาเลี้ยงและขยายพันธุ์ในไทยกว่า 20 ปี
  3. แพะพันธุ์บอร์ (Boer) เป็นแพะพันธุ์เนื้อขนาดใหญ่ จากประเทศแอฟริกาใต้ มีลำตัวสีขาว หัวและคอจะมีสีแดง ใบหูยาวปรก นำเข้ามาเมื่อปลายปี 2539
  4. แพะพันธุ์ซาเนน (Saanen) เป็นแพะพันธุ์นม สีขาวทั้งตัว หูใบเล็กตั้ง หน้าตรง
  5. แพะพันธุ์หลาวซาน (Laoshan) เป็นแพะพันธุ์นม จากประเทศจีน มีลักษณะคล้ายพันธุ์ซาเนน
  6. แพะพันธุ์อัลไพน์ (Alpine) เป็นแพะพันธุ์นม สีน้ำตาลหรือดำ ใบหูเล็กตั้ง หน้าตรง มีแถบสีข้างแก้ม
  7. แพะพันธุ์ทอกเก็นเบิร์ก (Toggenburg) เป็นแพะพันธุ์นม ลำตัวสีช็อกโกแบต ใบหูตั้ง หน้าตรง มีแถบสีขาวข้างแก้ม

รูปแบบการเลี้ยงแพะ

ลักษณะและวิธีการเลี้ยงแพะโดยทั่วไปสามารถจัดแบ่งออกได้เป็น 4 แบบ ด้วยกันคือ

  • การเลี้ยงแบบผูกล่าม   การเลี้ยงแบบนี้ใช้ช็อกผูกล่มที่คอแพะแล้วนำไปผูกให้แพะหาหญ้ากิน รอบบริเวณที่ผูก โดยปกติเชื่อกที่ใช้ผูกกล่าม แพะมักมีความยาวประมาณ 5-10 เมตร การเลี้ยงแบบนี้ผู้เลี้ยงจะต้องมีน้ำและอหารแร่ธาตุไว้ให้แพะกินเป็นประจำด้วย ในเวลากลางคืนก็ต้องนำแพะกลับไปเลี้ยงไว้ในดอกหรือเพิงที่มีที่หลบฝน การผูกล่ามแพะควรเลือกพื้นที่ที่มีร่มเงาที่แพะสามารถหลบแดดหรือฝนไว้บ้าง หากจะให้ดีเมื่อเกิดฝนตกกวรได้นำแพะกลับเข้าเลี้ยงในดอกโรงเรือนเลี้ยงแพะ
  • การเลี้ยงแบบปล่อย  เกษตรกรมักปล่อยแพะให้ออกหาอาหารกินในเวลากลางวัน โดยเจ้าของจะคอยดูแลตลอดเวลาหรือเป็นบางเวลาท่านั้นลักษณะการเลี้ยงเเบบนี้เป็นที่นิยมลี้ยงกันมากในบ้านเรา เพราะเป็นการเลี้ยงที่ประหยัด เกษตรกรไม่ต้องตัดหญ้ามาลี้ยงแพะ แต่จะต้องระมัดระวังอย่าให้แพะเที่ยวทำความเสียหายให้แก่พืชที่เกษตรกรเพาะปลูก เพราะแพะกินพืชได้หลายชนิด
  • การเลี้ยงแบบขังคอก  การเลี้ยงแบบนี้เกษตรกรขังแพะไว้ในคอก รอบ ๆ คอกอาจมีแปลงหญ้าและมีรั้วรอบแปลงหญ้าเพื่อให้แพะได้ออกกินหญ้าในแปลง บางครั้งเกษตรกรต้องตัดหญ้าเนเปียส์หรือกินนีให้แพะกินบ้าง ในคอกต้องมีน้ำและอาหารข้นให้กิน การเลี้ยงวิธีนี้ประหยัดพื้นที่และแรงานในการดูแลเพะ แต่ต้องลงทุนสูง เกษตรกรจึงไม่นิยมทำการเลี้ยงกัน
  • การเลี้ยงแบบผสมผสานกับการปลูกพืช  การเลี้ยงเเบบนี้ทำการเลี้ยงได้ 3 ลักษณะที่กล่าวข้างต้น แต่การเลี้ยงลักษณะนี้เกษตรกรจะเลี้ยงแพะปะปนไปกับการปลูกพืช เช่น ปลูกยางพารา ปลูกปาล์มน้ำมัน และปลูกมะพร้าว ในภาคใต้ของประเทศไทย มีเกษตรกรจำนวนมากที่ทำการเลี้ยงแพะควบคู่ไปกับการทำสวนยาง โดยให้แพะทากินหญ้าใด้ต้นยางที่มีขนาดโตพอสมควร การเลี้ยงแบบนี้ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าการพาะปลูกเพียงอย่างเดียว

เลี้ยงแพะสำหรับมือใหม่

โรงเรือนและอุปกรณ์

เเพะ ก็เหมือนสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ คือจะต้องมีสถานที่สำหรับแพะได้พักอาศัย หลบแดด หลบฝน หรือเป็นที่สำหรับนอนในเวลากลางคืน การสร้างโรงเรือนที่ใช้เลี้ยงแพะควรได้ยึดหลักดังต่อไปนี้

  • พื้นที่ตั้งของดอก คอกแพะควรอยู่ในที่เนินน้ำไม่ท่วมชัง แต่ถ้าหากพื้นที่ที่ทำการเลี้ยงแพะมีน้ำท่วมขังเวลาฝนตก ก็ควรสร้างโรงเรือนแพะให้สูงจากพื้นดินตามความเหมาะสม แต่ทางเดินสำหรับแพะขึ้นลงไม่ควรมีความลาดสูงกว่า 46 องศา เพราะหากสูงมากแพะจะไม่ค่อยกล้าขึ้นลงพื้นดอกที่ยกระดับจากพื้นดินควรทำเป็นร่อง โดยใช้ไม้ขนาดหนา 1 นิ้วกว้าง 2 นิ้ว ปูพื้นให้เว้นร่องระหว่างไม้แต่ละอันห่างกันประมาณ 5 เชนติเมตร หรืออางจะใช้พื้นตอนกรีต โดยปูพื้นดอกเพะด้วยสแลตที่ปูพื้นกอกสุกรก็ได้พื้นที่เป็นร่องนี้จะทำให้มูลของแพะตกลงข้างล่าง พื้นคอกจะแท้งและสะอาดอยู่เสมอ
  • ผนังคอก ผนังคอกแพะควรสร้างให้โปร่ง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี ผนังคอกควรมีความสูงไม่ต่ำกว่า 5 เมตร ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้แพะกระโดดหรือปืนข้ามออกไปได้
  • หลังคาโรงเรือน  แบบของหลังคาโรงเรือนเลี้ยงแพะมีหลายเเบบ เช่น เพิงหมาแหงน หรือ แบบหน้าจั่ว เกษตรกรที่จะสร้างควรเลือกแบบที่คิดว่าเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และทุนทรัพย์ หลังคาโดยปกติมักจะสร้างให้สูงจากพื้นดอกประมาณ 2 เมตร ไม่ควรสร้างโรงเรือนให้หลังคาต่ำเกินไปเพราะอาจทำให้ร้อนและอากาศถ่ายทไม่ดี สำหรับวัสดุที่ใช้มุงหลังคาจะใช้จากหรือแฝก หรือสังกะสีก็ได้
  • ความต้องการพื้นที่ของแพะ แพะมีความต้องการพื้นที่ในการอยู่อาศัยในโรงเรือนประมาณตัวละ 1 ตารางเมตร ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงมักแบ่งภายในโรงเรือนออกเป็นออก ๆ แต่ละคอกขังแพะรวมฝูงกันประมาณ 10 ตัว โดยคัดขนาดของแพะให้ใกล้เคียงกันขังรวมฝูงกัน แต่ถ้าหากเห็นว่าสิ้นเปลืองคำาก่อสร้างก็อาจขังแพะรวมกันเป็นฝูงใหญ่ในโรงเรือนเดียวกันโดยไม่แบ่งเป็นคอก ๆ ก็ได้

อาหารแพะ

อาหารแพะ เป็นปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงแพะให้มีสุขภาพดีและเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ แพะเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องที่สามารถกินอาหารได้หลากหลายชนิด แต่การเลือกอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้แพะได้รับสารอาหารครบถ้วนและมีผลผลิตที่ดี อาหารที่แพะกินได้

  • หญ้า  เป็นอาหารหลักของแพะ สามารถปลูกหญ้าสดให้แพะกิน หรือตัดหญ้ามาให้ก็ได้ หญ้าที่นิยมปลูกเลี้ยงแพะ เช่น หญ้าเนเปียร์ หญ้าแพงโกล่า หญ้าคา
  • พืชตระกูลถั่ว  เช่น ใบกระถิน ใบปอสา ใบมะขามเทศ พืชตระกูลถั่วมีโปรตีนสูง ช่วยในการเจริญเติบโตของแพะ
  • พืชผัก  เช่น ใบผักบุ้ง ใบมันเทศ ใบอ่อนของต้นไม้ต่างๆ แพะชอบกินพืชผัก ช่วยเพิ่มความหลากหลายของอาหาร
  • อาหารข้น อาหารข้นสำหรับแพะมีจำหน่ายตามท้องตลาด มีส่วนผสมของธัญพืช ถั่ว และวิตามินต่างๆ ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง
  • ผลไม้  แพะชอบกินผลไม้ เช่น กล้วย มะละกอ แตงโม ช่วยเพิ่มความหวานและวิตามินให้กับร่างกาย

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกอาหาร

  • อายุและขนาดของแพะ  แพะแต่ละวัยต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน ลูกแพะต้องการโปรตีนสูงเพื่อการเจริญเติบโต ส่วนแพะโตต้องการอาหารที่มีเส้นใยสูงเพื่อการย่อย
  • พันธุ์แพะ  แพะแต่ละพันธุ์มีลักษณะทางพันธุกรรมที่แตกต่างกัน ทำให้ความต้องการอาหารก็แตกต่างกัน สภาพอากาศ ในช่วงฤดูร้อน แพะต้องการน้ำมากขึ้น และอาจต้องการอาหารที่ช่วยลดความร้อน
  • ราคา  อาหารแพะมีราคาแตกต่างกันไป ควรเลือกอาหารที่เหมาะสมกับงบประมาณ

การดูแลสุขภาพของแพะ

ปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเลี้ยงแพะก็คือ แพะมักมีสุขภาพไม่ดีเจ็บป่วยและตาย ทำให้ผู้เลี้ยงเสียหาย ทางหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหานี้ก็คือผู้เลี้ยงต้องหมั่นเอาใจใส่และดูแลในเรื่องสุขภาพของแพะดังต่อไปนี้

  • กำจัดพยาธิภายนอก พยาธิภายนอกที่สำคัญของแพะได้แก่พวกเห็บ เหา หมัด และไร ซึ่งนอกจากจะทำความรำคาญให้แก่แพะแล้วอาจทำให้ขนแพะหลุดเป็นหย่อม 1 หรือเป็นโรคเรื้อนตามมา หากแพะถูกรบกวนด้วยพยาธิภายนอกดังกถ่าวก็จะทำให้สุขภาพไม่ดี ไห้ผลผลิตต่ำ การกำจัดพยาธิภายนอกนี้ทำได้โดยการหมั่นอาบน้ำและฉีดพ่นบริเวณลำตัวด้วยยากำจัดพยาธิภายนอก
  • กำจัดพยาธิภายใน พยาธิภายในที่สำคัญของแพะได้แก่พยาธิตัวกลม พยาธิตัวตึด และพยาธิไบไม้ในตับ ซึ่งพยาธิเหล่านี้จะทำให้แพะซูบผอม เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ขนและผิวหนังหยาบกร้าน การให้น้ำนมลดลงถ้าเป็นรุนแรงทำให้แพะมีอาการโลหิตจาง และตาย การกำจัดพยาธิภายในทำได้โดยการถ่ายพยาธิเมื่อแพะมีอายุได้ 3 เดือน และทำสม่ำเสมอประมาณ 2 เดือนต่อครั้ง ปัจจุบันมียาถ่ายพยาธิที่สามารถถ่ายพยาธิทั้ง 3 ชนิดในครั้งเดียวได้ จึงทำให้การถ่ายพยาธิสะดวกขึ้นมาก
  • การป้องกันโรคระบาดในแพะ โรคระบาดที่สำคัญในแพะและกรมปศุสัตว์สามารถผลิตวักซึนเพื่อป้องกันโรคได้ มีอยู่ 2 โรคด้วยกันคือ
    • โรคปากและเท้าเปื่อยในแพะ โรคนี้เป็นกับสัตว์ถีบคู่ทุกชนิด เมื่อเป็นแล้วทำให้เกิดความเสียหาย และระบาดแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ผู้เลี้ยงแพะควรทำการฉีดวัคชีนนี้ให้แก่เพะที่เลี้ยงอยู่เสมอโดยครั้งแรกทำการดเมื่อแพะอายุได้ 3 เดือน และฉีดครั้งต่อไปเว้นระยะทุก 4-6 เดือน
    • โรคเฮโมราชิกเขพติกซีเมีย แพะมักป่วยเป็นโรคนี้ในฤดูฝนโรคนี้อาจทำให้แพะตายและสามารถเพร่โรคไปสู่แพะตัวอื่นได้ การป้องกันโรคนี้สามารถทำได้โดยการฉีดวัดซึนป้องกันโรคนี้ตั้งแต่แพะอายุได้ 3 เดือน และฉีดซ้ำทุก 6 เดือน

หากคุณสนใจจะเริ่มต้นเลี้ยงแพะ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแหล่งต่างๆ เช่น กรมปศุสัตว์ สหกรณ์การเกษตร หรือกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ การเลี้ยงแพะเป็นอาชีพที่น่าสนใจและมีความยั่งยืน หากคุณมีใจรักในการเกษตรและมีความอดทน การเลี้ยงแพะก็สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้อย่างแน่นอน


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แกงสายบัวใส่ปลาทู แซ่บๆ แบบอีสาน

แกงสายบัวใส่ปลาทู แซ่บๆ แบบอีสาน

แกงสายบัวใส่ปลาทู

สวัสดีครับ วันนี้เรามีเมนูแซ่บ ๆ แบบอีสานมาฝากกันครับ เมนูที่ว่านี้นั่นคือเมนู แกงสายบัวใส่ปลาทู แซ่บๆแบบอีสาน นัวปลาร้า ที่มีรสชาติ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ที่ทำให้หลายๆ คนติดใจในรสชาติ แถมยังที่ทำง่ายใช้วัตถุดิบบ้านๆ ตามท้องไร่ท้องนา และเป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย

ก่อนที่จะทำอาหารเรามาดู สรรพคุณและประโยชน์ของสายบัวกันครับ

ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง (สายบัว) ดอกช่วยแก้ไข้ตัวร้อน (ดอก) ช่วยแก้อาการร้อนใน (ดอก) ก้านบัวสายมีรสจืดและเย็น ช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกาย (ก้านบัว) สายบัวมีเบตาแคโรทีน ซึ่งช่วยป้องกันและต้านโรคมะเร็งในลำไส้ (สายบัว) ก้านดอกและไหลใช้รับประทานได้ โดยนำก้านดอกหรือใบมาลอกผิวหรือเปลือกที่หุ้มอยู่ออก แล้วเด็ดดอกและใบทิ้ง แล้วนำมาใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือ นำไปปรุงเป็นอาหาร เช่น การทำแกง ผัด แกงส้ม แกงกะทิ ฯลฯ

เราจะเห็นได้ว่าทั้งในสายบัว และปลาทูนั้นมีประโยชน์มากมาย ถ้าเช่นนั้นเราก็มาลงมือทำและเตรียมวัตถุดิบเมนู ต้มสายบัวใส่ปลาทู กันครับ

วัตถุดิบ

  • สายบัวปลอกเปลือกหั่นเป็นท่อนๆ
  • ปลาทูนึ่ง 3 – 4 ตัว
  • มะขามเปียก
  • น้ำสะอาด
  • น้ำปลาร้า
  • น้ำปลา
  • ผงชูรส
  • พริกขี้หนู
  • หัวหอมแดง
  • ต้นหอม
  • ใบแมงลัก

วิธีการทำ แกงสายบัวใส่ปลาทู

  • เริ่มจาก ล้างสายบัวให้สะอาด แล้วพักไว้ก่อน
  • แกะก้างปลาทู เรียบร้อยเสร็จแล้วพักไว้  *** ถ้าไม่แกะก้างปลาทู ก็ได้ สามารถใส่ได้ทั้งตัวได้เลย ***
  • จากนั้นโขลกพริก กับ หัวหอมแดง แค่พอแหลก พักไว้ ล้างต้นหอม ให้สะอาด ตัดรากออก แล้วหั่นเป็นท่อน จากนั้นก็ล้างใบแมงลัก แล้วเด็ดใบให้เรียบร้อย เสร็จแล้วพักไว้
  • นำหม้อตั้งไฟกลางๆ ใส่น้ำสะอาดลงไป รอให้น้ำเดือดแล้วจึงใส่พริกแกงลงไป เสร็จแล้วตามด้วยสายบัวที่เตรียมไว้ ใส่ลงไปในหม้อรอให้สายบัวสุกและยุบตัวลง แล้วจึงปรุงรสชาติด้วย น้ำปลาร้า น้ำปลา มะขามเปียก หรือ น้ำมะขามเปียก ผงชูรส คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติ
  • จากนั้นจึงใส่ปลาทูตามลงไป รอให้เดือนประมาณ 3 นาที ให้ปลาทูสุก แล้วจึงใส่ต้นหอมหั่นท่อน และ ใบแมงลัก ลงไปคนให้เข้ากัน แล้วปิดไฟ
  • ตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน จะเป็นข้าวสวย หรือ ข้าวเหนียวตามสะดวกเลยจ้า

ข้อมูลอ้างอิง : medthai , esanbanna.com
เรียบเรียง : Nongnuch


บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ค้างผักแบบต่างๆ ที่นิยมใช้งานสำหรับปลูกผักไว้กินเอง

ค้างผักแบบต่างๆ ที่นิยมใช้งานสำหรับปลูกผักไว้กินเอง

ค้างแบบตัวเอ

ค้างผัก คืออะไร

ค้างผัก คือเสาหลักสำหรับให้ไม้เลื้อยหรือไม้เถายึดเกาะ นิยมใช้ในการปลูกผักสวนครัว ซึ่งนอกจากจะใช้ปลูกผักแล้ว ค้างไม้เลื้อยยังนับว่าเป็นของตกแต่งที่ช่วยสร้างบรรยากาศดีๆ ให้กับสวนอีกอย่างหนึ่งด้วย อุปกรณ์ในการทำ “ค้างไม้เลื้อย” มีนิดเดียวเท่านั้น สิ่งต้องใช้มีเพียงแค่ ไม้ขนาดยาว เช่น ไม้ไผ่ เชือก เมล็ดพันธุ์ ซึ่งเราสามารถใช้เมล็ดอะไรก็ได้ที่เป็นพืชไม้เลื้อย ไม่ว่าจะเป็นผักหรือดอกไม้

การปลูกผัก โดยเฉพาะพืชผักที่เป็นประเภทไม้เลื้อย ต้องมีการทำโครงหรือค้างผักเพื่อช่วยให้ผักยึดเกาะและเจริญเติบโต ซึ่งผักชนิดไหนจะเหมาะกับการทำค้างในรูปแบบอะไรบ้าง มาฝากกันครับ

การทำค้างผักสามารถแบ่งได้หลายแบบ ซึ่งเหมาะกับพืชแต่ละชนิดดังนี้ครับ

ค้างแบบกระโจม

  • ค้างแบบกระโจม เป็นการทำค้างโดยมีเสาอยู่ตรงกลางและเพิ่มเสาอีกสองข้างช่วยยึดให้ค้างแน่นขึ้นและผูกปลายด้านบนคล้ายกับกระโจม เหมาะกับพืชประเภท ตำลึง แตงกวา หรือผักปลัง ซึ่งส่วนมากจะเป็นพืชกินใบ
    ค้างแบบเสารั้ว
  • ค้างแบบเสารั้ว เป็นค้างที่ทำง่ายและประหยัด โดยนำไม้มาทำเป็นเสา และผู้เชือกหรือตาข่ายตามความยาวที่ต้องการคล้าย ๆ กับรั้ว เหมาะสำหรับพืชอายุสั้นและน้ำหนักเบา เช่น อัญชัญ มะเขือเทศ มะระขี้นก
  • ค้างแบบเพิงหมาแหงน เป็นค้างที่สามารถรับน้ำหนักได้ดี โดยการนำไม้ไผ่มาสานเป็นตารางสำหรับให้พืชเลื้อยขึ้นไปและสามารถปรับองศาได้ตามต้องการ เหมาะกับพืชประเภท บวบ แตงกวา ฟักเขียว
    ค้างแบบตัวเอ
  • ค้างแบบตัวเอ ลักษณะคล้าย ๆ กับค้างผักแบบกระโจม แต่จะใช้ไม้คำเป็นรูปตัวเอหัวท้ายและมีไม้พาดยาวด้านบน เหมาะสำหรับการปลูกพืชประเภท ถั่วฝักยาว หรือแตงกวา
    ค้างแบบตัวที
  • ค้างแบบตัวที ลักษณะจะเป็นเสาผูกติดด้านบนคล้ายตัวทีหรือมีวัสดุวางด้านบน โดยนิยมใช้เป็นเสาปูนเพื่อความแข็งแรงและสามารถเพิ่มเส้นลวดบนเสาเพื่อให้พืชเกาะเลื้อยได้ เหมาะสำหรับการปลูก แก้วมังกร หรือองุ่น
    ค้างแบบซุ้ม
  • ค้างแบบซุ้ม เป็นค้างที่นิยมทำเพื่อความสวยงาม โดยมีลักษณะคล้ายกับอุโมงค์สามารถให้ร่มเงาได้ เหมาะสำหรับการปลูกพืชประเภท บวบ หรือมะระจีน
  • ค้างสี่เหลี่ยม เก็บผลผลิตง่าย และสามารถปฏิบัติการจัดการต่างๆ ได้สะดวกสบาย ตัวค้างมีความสมดุล ไม่ล้มง่าย ค้างชนิดนี้ใช้กับพืชได้เกือบทุกชนิด

ข้อดีของการทำค้างปลูกผัก

ช่วยให้แสงแดดและอากาศถ่ายเทได้สะดวก สามารถระบายน้ำได้ง่าย สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ แต่ก็ควรหมั่นดูแลรดน้ำ ผักไม้เลื้อยมีความต้องการน้ำมากเนื่องจากเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่ชื้น ควรให้ปุ๋ย ตัดแต่ง เพื่อให้ผักเจริญเติบโตได้ผลผลิตที่ดี

จะเห็นได้ว่าการปลูกพืชไม้เลื้อยแต่ละชนิด เหมาะสำหรับการทำค้างในลักษณะที่แตกต่างกัน เนื่องจากลักษณะการเจริญเติบโต แสงแดด และน้ำหนักของผลผลิต ดังนั้นก่อนจะเลือกปลูกพืชไม้เลื้อยลองเลือกค้างปลูกพืชให้เจริญเติบโตได้เหมาะสม จะได้ช่วยให้พืชโตไว แข็งแรงและได้ผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสะดวกในการเก็บผลผลิตและการดูแลโดยเฉพาะเรื่องโรคและแมลงครับ

ตัวอย่างของ ค้างผักแบบต่างๆ ที่นิยมใช้งานกันรครับ

ค้างผัก

ค้างผัก

ค้างผัก

ค้างผัก

ค้างผัก

ค้างผัก

ค้างผัก

ค้างผัก

ค้างผัก

ค้างผัก

ขอบคุณข้อมูลจาก : kasetbanna.com


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ต้มปลากดไข่ใส่ใบมะขามอ่อน แซ่บๆ อร่อยกลมกล่อม

ต้มปลากดไข่ใส่ใบมะขามอ่อน แซ่บๆ อร่อยกลมกล่อม

ต้มปลากดไข่ใส่ใบมะขามอ่อน

ต้มปลากดไข่ใส่ใบมะขามอ่อน เป็นเมนูอาหารไทยรสจัดจ้าน ที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยเนื้อปลาที่แน่นและรสชาติหวานมัน เมื่อนำมาต้มกับเครื่องสมุนไพรไทยอย่าง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และพริก ก็ยิ่งเพิ่มความอร่อยกลมกล่อม ทำให้ได้เมนูที่ทั้งแซ่บ ซดคล่องคอ และมีประโยชน์

ส่วนผสม

  • ปลากดสด ๆ
  • ใบมะขามอ่อน
  • ข่า
  • ตะไคร้
  • หอมแดง
  • พริก
  • ใบมะกูด
  • ต้นหอม
  • ผักชี
  • เกลือ
  • น้ำปลา

วิธีทำ

  • นำปลามาล้างทำความสะอาดควักไส้ เตรียมไว้
  • ต้มน้ำให้เดือดใส่ ข่า ตะไคร้ หอมแดง พริก ใบมะกูด ต้นหอม ผักชี ปรุงรสด้วย เกลือนิดหน่อย พอน้ำเดือด ก็ใส่ปลาที่เตรียมไว้ลงไปให้เดือดอีกครั้ง
  • ใส่ใบมะขามอ่อน อย่าพึ่งใส่เยอะ มันจะออกเปรี้ยวค่อยใส่ทีละนิด ชิมรสตามชอบ เติม น้ำปลา ชูรส ต้นหอม ผักชี ปิดไฟ

บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น ขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้ส่อย 81 ตรม

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น ขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้ส่อย 81 ตรม

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

บ้านพักอาศัยสไตล์โมเดิร์น ลักษณะบ้านออกแบบเป็นบ้านชั้นเดียว ขนาดเล็กกระทัดรัด หลังคาทรงเพิงแหงนเรียบง่ายลงตัวกับตัวบ้าน บ้านพื้นสูงเล็กน้อย หน้าบ้านมีระเบียงนั่งเล่นพักผ่อน ทำเป็นม้านั่งยาว ตัวบ้านมาในโทนสีสดใสสวยงาม สำหรับบ้านหลังนี้ผลงานการออกแบบก่อสร้างโดย ช่างรส บ้านสวย



สวัสดีครับทุกท่าน กลับมาพบกับเราเว็บไซต์ www.withikaset.com เว็บที่รวบรวมบทความข่าวสารด้านการเกษตร และ ไอเดียสำหรับสร้างบ้านเพื่อคุณ ซึ่งวันนี้เรามี แบบบ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น ขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว สวย ๆ ทันสมัย พื้นที่ใช้สอย 81 ตารางเมตร หลังนี้ตัวบ้านปลูกสร้างที่ บ้านอัคคะคำ อำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นผลงานการออกแบบและก่อสร้างจาก ช่างรส บ้านสวย ท่านที่กำลังหาไอเดียในการออกแบบบ้าน เชิญชมภาพรายละเอียดด้านในบ้านดูครับ

ผลงานและรูปภาพและผลงาน : ช่างรส บ้านสวย
เรียบเรียง : esanbanna.com

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

พื้นรอบบ้านเทคอนกรีตเป็นฟุตบาท ที่นอกจากจะเสริมฐานบ้านให้แข็งแรงแล้ว ยังช่วยกันผนังไม่ให้สกปรกได้อีกด้วย

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

ด้านภายในบ้านห้องแรกเป็นห้องโถงสไตล์ภายในดีไซน์โทนสีขาว พื้นห้องอีกโซนเป็นลายหินอ่อนที่มีลวดลายไม่เยอะ ดูสวยหรู เพดานบ้านสีขาวและมีส่วนที่เป็นจุดเด่นเพื่อเพิ่มความสวยงามด้วยโคมไฟดวงใหญ่โดดเด่น

ภายในห้องนอนก็จะมีพื้นที่ใช้สอยที่กำลังดี โปร่งสบายด้วยหน้าต่างหลายมุม จึงทำให้ภายในห้องมีความเย็นสบายได้ตลอดทั้งวัน

เช่นเดียวกันกับห้องน้ำที่จะมีรูปแบบการออกแบบที่มีความโมเดิร์น ภายในห้องน้ำจึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

ขอบคุณที่มา: เฟซบุ๊ก ช่างรส บ้านสวย


หมายเหตุ : บ้านทุกหลังที่ทางเว็บ www.withikaset.com นั้นได้นำมาลง  ทางเว็บไม่ได้รับสร้างบ้านนะครับ เพียงแค่นำเสนอเพื่อเป็นไอเดียสำหรับคนที่กำลังสร้างบ้านเท่านั้น และถ้าหากสนใจแบบบ้านที่เรารีวิว ก็สามารถติดต่อเจ้าของผลงานโดยตรงเองได้เลย ส่วนราคาค่าก่อสร้างบ้านนั้น ขึ้นอยู่กับสถานที่ พื้นที่ก่อสร้าง และ เกรดวัสดุ ซึ่งมีปรับขึ้น-ลงทุกปีครับ และต้องขอบคุณเจ้าของผลงานมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ




บทความอื่นที่น่าสนใจ

ซุปมะเขือ เมนูอาหารอีสาน แซ่บนัว หอมกลิ่นเครื่องเทศ

ซุปมะเขือ เมนูอาหารอีสาน แซ่บนัว หอมกลิ่นเครื่องเทศ

ซุปมะเขือ

ซุปมะเขือ เป็นเมนูอาหารอีสานยอดนิยม ที่มีรสชาติจัดจ้าน หอมกลิ่นเครื่องเทศ และมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนของมะเขือเปราะ เมื่อรับประทานคู่กับผักสดและข้าวเหนียวร้อนๆ ก็ยิ่งอร่อยเข้ากันเป็นอย่างดี

เคล็ดไม่ลับในการทำ มะเขือเปราะ ให้อร่อยแซ่บนัวนั้น ควรล้างมะเขือเปราะ ให้สะอาดก่อนทุกครั้งก่อนปรุงเมนูเพราะเป็น 1 ในผักที่มีสารตกค้างมาก จึงควรนำไปแช่น้ำผสมเกลือ หรือ น้ำผสมน้ำส้มสายชู 20 นาที แล้วใช้มือขัดถูผิวให้เกลี้ยง ล้างน้ำออกให้สะอาด ก็จะช่วยขจัดสารตกค้างได้

ในส่วนของวิธีการทำ ควรต้มให้มะเขือเปราะนิ่มดี จะทำให้ตำให้เข้ากับส่วนผสมอื่นได้ง่าย และ ควรนำพริกแห้ง พริกขี้หนู หอมแดง ไปคั่วในกระทะให้มีกลิ่นหอมก่อน เพื่อให้เมื่อนำมาคลุกเคล้ากับมะเขือเปราะแล้ว จะได้กลิ่นหอมจากเครื่องเทศ ทาน ซุปมะเขือ แล้ว จะได้ไม่มีรสขื่น รสชาติแซ่บนัวถึงใจ

ส่วนผสม

  • มะเขือเปราะ 15 ผล
  • ปลาดุก 1 ตัว(หรือปลาทู)
  • น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกชี้ฟ้าคั่ว 15 เม็ด
  • กระเทียมคั่ว 2 หัว
  • หอมแดงซอย 3-4 หัว
  • หอมแดงคั่ว 2 หัว
  • ต้นหอม 1 ต้น
  • ผักชีฝรั่ง 1 ต้น
  • เห็ดฟาง 6-7 ดอก
  • สะระแหน่ 2-3 ต้น

ขั้นตอนการทำ

1. นำมะเขือมาเอาก้านออกและล้างน้ำให้สะอาด
2. ต้มมะเขือในน้ำเดือด ต้มไปจนมะเขือุสุกแล้วตักขึ้นมาพักไว้ให้เย็น
3. นำปลาไปต้มกับน้ำปลาร้า พอปลาเริ่มสุกใส่เห็ดฟาง เมื่อเห็ดสุกตักขึ้นพักไว้
4. พริก กระเทียม หอมแดง คั่วให้สุก
5. นำเครื่องปรุงข้อ4 มาโขลกให้ละเอียด ใส่เนื้อปลา โขลกต่อให้ละเอียด
6. ใส่มะเขือลงไปโขลกให้พอละเอียดและเข้ากับเครื่องปรุงใส่น้ำปลาร้า คลุกเคล้าให้เข้ากันปรุงรสอีกครั้งด้วยน้ำปลา ใส่หอมแดงซอย ใส่ต้นหอม ผักชี สะระแหน่ลงไป คลุกให้เข้ากัน  เสร็จแล้วครับซุบบักเขือสูตรเด็ด รับประทานกับผักสด และผักลวกแซ่บคักเด้อ




บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น ดีไซน์สวยทันสมัย พื้นที่ใช้สอย 109 ตรม.

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น ดีไซน์สวยทันสมัย พื้นที่ใช้สอย 109 ตรม.

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น คืออะไร?

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น เป็นรูปแบบบ้านที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีดีไซน์ที่เรียบง่ายทันสมัย เน้นเส้นสายที่คมชัด และการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเรียบง่ายและต้องการบ้านที่ดูโปร่งโล่งสบาย

สำหรับบ้านที่เรานำมาให้ชมเพื่อเป็นแนวทางในวันนี้เป็น บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น ขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว พื้นที่ใช้สอย 109 ตารางเมตร ซึ่งมีสีสันสวยงามทันสมัย ซึ่งเป็นผลงานของทีมงาน ช่างรส บ้านสวย ที่ได้สร้างบ้านหลังนี้ อยู่ที่ อำเภอเมืองอุดรธานี ซึ่งมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

ที่มา : Facebook  ช่างรส บ้านสวย ิ
เรียบเรียง : www.withikaset.com

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

ตัวบ้านมีเฉลียงหน้าบ้านและราวบันไดออกแบบด้วยโครงเลสรอบบ้านราดด้วยปูนฐานบ้านเสริมความแข็งแรง ส่วนของหน้าต่างและประตูบ้านออกแบบด้วยกระจกรอบบ้านอย่างสวยงาม

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

ด้านภายในบ้านห้องแรกเป็นห้องโถงสไตล์ภายในดีไซน์โทนสีขาว พื้นห้องอีกโซนเป็นลายหินอ่อนที่มีลวดลายไม่เยอะ ดูสวยหรู เพดานบ้านสีขาวและมีส่วนที่เป็นจุดเด่นเพื่อเพิ่มความสวยงามคือการแทรกด้วยสีของเหลี่ยมเพดานเพิ่มเติม

บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

ห้องน้ำที่มีพื้นที่กำลังพอดีต่อการใช้งานและมีอุปกรณ์สำหรับการใช้งานที่ครบครัน ออกแบบด้วยกระเบื้องลายหินโทนสีขาว ผนังสีขาวมีลวดลายเล็กน้อย รวม ๆ และสวยงามมาก

ขอบคุณที่มา: เฟซบุ๊ก ช่างรส บ้านสวย


หมายเหตุ : บ้านทุกหลังที่ทางเว็บ www.withikaset.com นั้นได้นำมาลง  ทางเว็บไม่ได้รับสร้างบ้านนะครับ เพียงแค่นำเสนอเพื่อเป็นไอเดียสำหรับคนที่กำลังสร้างบ้านเท่านั้น และถ้าหากสนใจแบบบ้านที่เรารีวิว ก็สามารถติดต่อเจ้าของผลงานโดยตรงเองได้เลย ส่วนราคาค่าก่อสร้างบ้านนั้น ขึ้นอยู่กับสถานที่ พื้นที่ก่อสร้าง และ เกรดวัสดุ ซึ่งมีปรับขึ้น-ลงทุกปีครับ และต้องขอบคุณเจ้าของผลงานมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ


บทความอื่นที่น่าสนใจ

ปางอุ๋ง จ. แม่ฮ่องสอน สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยธรรมชาติสวยงาม

ปางอุ๋ง จ. แม่ฮ่องสอน สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยธรรมชาติสวยงาม

ปางอุ๋ง

ปางอุ๋ง หรือชื่อเต็มว่า โครงการพระราชดำริปางตอง 2 เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากไปสัมผัสสักครั้ง ด้วยบรรยากาศที่เหมือนกับสวิตเซอร์แลนด์ตอนเหนือ ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ปางอุ๋ง

ปางอุ๋ง

ปางอุ๋ง

กรุงเทพฯ – แม่ฮ่องสอน

การเดินทางแบบนี้จะใช้เส้นทาง ใช้เส้นทางกรุงเทพ-ฮอด ผ่านเส้นทาง อยุธยา-นครสวรรค์-ตาก ขับยาวไปจนถึง อำเภอลี้ จากนั้นก็แยกซ้ายเข้าอำเภอ ต่อไปจะใช้เส้นทาง ลี้-บ้านโฮ่ง ขับไปเรื่อย ๆ จะมีป้ายบอกว่า เลี้ยวซ้ายไปทะเลสาบดอยเต่า ขับไปจนถึง ฮอด จะเปลี่ยนมาใช้เส้นทาง ฮอด – แม่ฮ่องสอน ขับผ่าน อำเภอขุนยวม มุ่งเข้าสู่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ต่อไปจะเป็นเส้นทางใน อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน  จะใช้เส้นทาง แม่ฮ่องสอน-ปางมะผ้า-ปาย ขับไปเรื่อย ๆ จนผ่าน น้ำตก หุบเขาวง ผาเสื่อ ผ่านพระตำหนักปางตอง จนถึง บ้านหมอกจำแป๋ หมู่บ้านใหญ่จะเป็นจุดแยก ซ้ายไปปางอุ๋ง เลี้ยวซ้าย

ติดต่อสอบถามระเบียบข้อปฏิบัติ การจองห้องพัก และการพักค้างแรมด้วยเต็นท์ ที่ศูนย์ศิลปาชีพ จังหวัดแม่ฮ่องสอน โทร.0-5361-1244 มือถือ 08-5618-3303 โทรสาร 0-5361-1649, 0-5361-1690


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ